พักรถไว้บ้าน ไปเที่ยวเมืองโบราณกัน





เมืองโบราณ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในใจคุณบ้างหรือเปล่าเอ่ย ???
ถ้ามีอยู่ในลิสต์แต่ยังไม่ได้ไปเสียที เราขอแนะนำให้คุณจัดเวลาไปเถอะ แต่ถ้ายังคิดไม่ตกว่าจะไปยังไง ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ไปกับใครดีถึงจะเหมาะ และอีก บลา บลา บลาาา เรามีข้อมูลเที่ยวชิลๆ สไตล์ Taste Through Trip มานำเสนอเป็นแนวทางจร้าาาา


เมืองโบราณ
จัดเป็นแลนด์มาร์คสำคัญแห่งหนึ่งของสมุทรปราการเลยทีเดียว ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ย่านบางปู ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์จำลองสถานที่ในประเทศกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนพื้นที่กว่า 800 ไร่ ประกอบไปด้วยปูชนียสถาน โบราณสถาน เช่น วัดโบราณ พระราชวังต่างๆ ท้องพระโรง ตลาดบก ตลาดน้ำ มีทั้งที่จำลองสร้างขึ้นใหม่โดยการย่อสัดส่วน และแบบที่ย้ายอาคารของจริงมาเลย ที่เรียกว่าการผาติกรรมใครที่ไม่ค่อยมีเวลาเที่ยว หรือมีความชอบเที่ยวโบราณสถาน วัด วัง ตลาดน้ำ ตลาดบก เราขอแนะนำที่นี่ ที่เดียวเที่ยวได้ครบจบทุกอย่าง

ที่สำคัญ...มีมุมถ่ายภาพเพียบ!!! ใครมีกล้องเจ๋ง เตรียมกล้องให้ดี เตรียมเลนส์ให้พร้อม แต่ถ้าใครสายสะดวก มือถือเครื่องเดียวเที่ยวทุกที่ พร้อมเซลฟี่ตลอด ก็แต่งตัวมาให้แนว จัดให้เต็ม ฮิปให้สุด รับรองได้เลย คุณได้ภาพกลับไปจุใจอย่างแน่นอน อีกอย่างถ้าใครชอบถ่ายภาพแบบสตูดิโอย้อนยุคที่นี่ก็มีให้บริการด้วยน้าาา


การให้บริการ
ที่นี่เขาเปิดให้บริการทุกวัน ช่วงเวลา 9.00 น. - 19.00 น. 
ค่าบัตรผ่านประตูคนละ 400 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และ 200 บาทสำหรับเด็ก แต่บางช่วงบางเทศกาลอาจจะมีโปรโมชั่นเด็ดๆเป็นส่วนลดค่าบัตร ตรวจสอบกันก่อนซื้อบัตรผ่านประตูนะจ๊ะ
เขามีจักรยานให้บริการฟรี เพื่อปั่นเที่ยวกันเองได้อย่างเสรี 
ถ้าไม่สะดวกปั่นจักรยาน ก็มีบริการรถนำเที่ยวฟรีที่ออกเป็นรอบๆละ 2 ชั่วโมง พาตระเวนเที่ยวรอบเมืองโบราณ รถนำเที่ยวออกให้บริการวันละ 4 รอบ คือรอบ 10.00 น.  13.00 น.  15.00 น.  และ 17.00 น.
แต่ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัว จะเช่ารถกอล์ฟไว้ขับเองภายในก็ยังได้
นอกจากนี้ยังมีบริการเสื้อผ้าให้เปลี่ยนเพื่อใช้ถ่ายภาพย้อนยุคแนวสตูดิโอที่เรือนทับขวัญ (พระตำหนักทับขวัญ) อีกด้วย

ด้วยบริการต่างๆ เหล่านี้ การเที่ยวเมืองโบราณจึงเหมาะทั้งจะมากระชับความอบอุ่นในครอบครัว 
เฮฮากับแก๊งเพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งมาสวีทกับคนรู้ใจ เพราะเป็นสถานที่ๆวัยไม่เป็นอุปสรรคในการเที่ยวเลยจริงๆ


ไปเมืองโบราณกันเถอะ
การไปเมืองโบราณสำหรับเรา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เราคงเดินทางด้วยการขับรถส่วนตัวไปอย่างแน่นอนเพราะเรา มั่นใจว่าสะดวกที่สุด จากบ้านเราที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ คงใช้เวลาขับรถไปประมาณ 2 ชั่วโมง

แต่ แต่ แต่ มาวันนี้ เรามีตัวช่วยใหม่แล้วจ้าาา สะดวกกว่า รวดเร็วกว่า ไม่ต้องออกไปฝ่าการจราจรที่แสนจะอึดอัด เราไปด้วยรถไฟฟ้า BTS ไงล่ะ รวดเร็ว และสะดวกสบาย การเที่ยวของเราครั้งนี้จะเป็นยังไง มา มา ตามมาจ้าาาา


จุดนัดพบ
เรานัดพบกับเพื่อนที่ BTS สถานีอโศก ซึ่งเชื่อมต่อกับ MRT สถานีสุขุมวิท และห้างสรรพสินค้า Terminal 21 เผื่อว่าใครมาถึงก่อนเวลาก็สามารถหาที่นั่งคอย จิบกาแฟ ทานอาหาร หรือจะมาเดินเล่นชิลๆ ชมร้านค้าวิถีชุมชนบนถนนอโศกมนตรีก็ย่อมได้


ได้เวลาเดินทาง
เมื่อพร้อมกันแล้ว เราก็ออกเดินทางกันเล้ยยยย เราซื้อตั๋วเดินทาง BTS จากสถานีอโศก ไปปลายทางที่สถานีเคหะฯ ในราคาคนละ 48 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที ก็จะถึงสถานีเคหะฯ ขณะนั่งรถไฟฟ้าไปนั้นก็ชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกไปด้วยได้ มีที่ไหนกันจ๊าาา... ค่าตั๋วหลักสิบแต่วิวหลักแสน(ล้าน) ภาพตรงหน้าเราแปลกตาไปจากประสบการณ์การขับรถผ่านแบบเดิมๆ ไม่เชื่อลองดูช้างสามเศียรสิ คุณเคยเห็นแบบครบๆ เต็มๆ ในความสูงแบบนี้ไหมล่ะ

ก่อนถึงสถานีเคหะฯ บังเอิญหันซ้ายหันขวาไปสนใจสิ่งรอบตัวบ้าง จึงเพิ่งสังเกตว่า... ในรถไฟฟ้าที่เรานั่งอยู่เนี่ย ไม่มีผู้โดยสารอื่นอยู่เลยอ่ะ  เฮ้ยยย!!! แอบมโนว่า... เราเหมารถไฟฟ้ามาเที่ยวเชียวนะเออ อะแฮ่มมม

เมื่อถึงสถานีเคหะฯแล้ว ให้ใช้ทางออก 3 มองลงมาจากสถานีจะเห็นรถสองแถวสาย 36 จอดรออยู่เลย นั่นล่ะเป้าหมายล่ะ บอกคนขับรถไปจ้ะว่าต้องการลงที่เมืองโบราณ เขาคิดค่าโดยสารคนละ 8 บาท แต่ถ้าชอบความเป็นส่วนตัวให้เดินเลยถัดไปสักนิด มีแท็กซี่ต่อคิวจอดรอผู้โดยสารอยู่หลายคัน แต่หากมาเที่ยววันเสาร์อาทิตย์จะมีรถบริการ ฟรีจากเมืองโบราณคอยรับ-ส่งนักท่องเที่ยวโดยตรง

เรามาวันธรรมดาจึงไม่มีบริการรถรับส่ง เพื่อนเราจึงให้เลือกว่าจะนั่งรถสองแถวสาย 36 หรือจะนั่งแท็กซี่ไป อื้ม...สำหรับเราแล้ว การนั่งแท็กซี่ก็จะดูธรรมดาไปเนอะ เหตุผล(ข้างๆคูๆของเราเอง) คือว่า... รถสองแถวสาย 36 มีทีนี่เท่านั้นน่ะสิ จะไปหานั่งที่อื่นก็ไม่มีนี่นา  ส่วนแท็กซี่อ่ะ หานั่งที่ไหนก็ได้ ...ใช่ป่ะ การนั่งรถสองแถวเนี่ยน่าตื่นเต้นกว่าจะตายไป อิอิ





ถึงแล้วจ้า เมืองโบราณ
จุดสังเกตหลักก็คือซุ้มประตูที่อยู่บนสะพานอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีป้ายชื่อ "เมืองโบราณ" ชัดเจน เดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปภายใน จะพบเห็นช้างคู่ พ่นน้ำเล่นอยู่หน้าป้าย ป้ายที่บอกถึงความเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เดินเข้าด้านใน ไปที่สำนักงานเพื่อซื้อบัตรผ่านประตู จะได้รับแผนที่เพื่อใช้เดินทางภายในได้สะดวก

ที่เมืองโบราณจัดเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์และละครย้อนยุคยิ่งนัก เช่น สี่แผ่นดิน บุพเพสันนิวาส กลิ่นกาสะลอง ศรีอโยธยา ฯลฯ ใครชอบตามรอยกองละครก็สามารถมาตามกันได้ที่นี่นะออเจ้า เอิ่ม...เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ฮ่าาา

ว่าแล้วออกเดินทางกันเลยดีกว่า เราเลือกปั่นจักรยานไปกัน จะได้แวะในจุดที่เราสนใจ ไม่ต้องไปครบทุกที่ก็ได้ ก็แหม... ตั้ง 800 ไร่ ให้แวะทุกที่คงไม่ไหวอ่ะเนอะ  ดังนั้น เราจะเลือกแวะในจุดที่เราสนใจก็พอ


ตามรอยสถานที่ถ่ายทำละคร
ช่วงนี้เราติดตามชมละครเรื่องศรีอโยธยาชนิดหลงใหลได้ปลื้ม อินกันเป็นพิเศษ ขอมาตามรอยสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำกันเสียหน่อย พอได้มาดูสถานที่จริงแล้ว บอกเลยว่าปลื้มปริ่มมม แต่ละที่สวยงามและอลังการเกินกว่าที่คิดไว้มาก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จำลองอย่าง มณฑปพระพุทธบาท พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท  พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท และสถานที่ผาติกรรมอย่างวัดจองคำ ที่มีหลังคาประดับด้วยไม้ฉลุซ้อนกันหลายชั้น งดงามตรึงใจเหลือเกิน เราจึงใช้เวลาหมดไปกับสถานที่นี้มากเป็นพิเศษ

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงใช้สถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่ถ่ายทำละคร ใครได้เข้ามาถึงเมืองโบราณแล้ว ต้องห้ามพลาดที่จะมาเยี่ยมชมอย่างเด็ดขาดเชียว 


ไฮไลต์... ใครๆ ก็ต้องแวะ
เข้ามาถึงด้านในแล้ว ถ้าใครไม่ได้ถ่ายภาพกับมุมเหล่านี้ เสมือนว่ามาไม่ถึงเมืองโบราณกันเลยทีเดียว นั่นก็คือ

ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นจากหินทราย ถอดแบบและย่อส่วนมาจากบุรีรัมย์ คำว่า "พนมรุ้ง" เป็นคำที่ผันมาจากคำว่า "วนรุง" ในภาษาเขมร แปลว่าภูเขาใหญ่ สร้างขึ้นจากความเชื่อในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวะ ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด จึงเปรียบเขาพนมรุ้งเป็นเขาไกรลาสซึ่งเป็นที่ประทับของพระศิวะ

ศาลาพระอรหันต์ ศาลาที่ทอดตัวยาวกลางน้ำ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันอ่อนช้อยแต่ทรงพลัง เป็นที่ประดิษฐานพระอรหันต์หลายองค์ มีสะพานทอดยาวเหนือน้ำเพื่อไปสู่ตัวศาลาได้

กระบวนเรือในพระราชพิธีเสด็จพระยุหยาตราทางชลมารค เป็นพระราชประเพณีและถือเป็นศิลปกรรม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองและอารยธรรมของไทยที่มีมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของแม่น้ำอีกด้วย


ท้องพระโรงกรุงธนบุรี
เป็นท้องพระโรงในพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงใช้เป็นที่ว่าราชการและเป็นที่ประทับ  มองจากภายนอกเป็นอาคารโปร่ง ภายในอาคารเป็นโถงใหญ่มีเสาเรียงรายเป็นระเบียบ เพื่อใช้เป็นที่ว่าราชการ

ถัดจากโถงเข้าไปด้านหลังจะเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ สิ่งที่น่าประทับใจในส่วนนี้คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงประวัติศาสตร์การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 และเรื่องราวการกู้ชาติของพระเจ้าตากสินมหาราช


ความงามที่ซ่อนอยู่
หอพระแก้ว ภายในมีห้องพระลักษณะเป็นโถงทรงกลม มีการตกแต่งที่น่าหลงใหล เลือกใช้สีสันที่ดึงดูดสายตาสะกดใจให้อดที่จะหยุดชื่นชมไม่ได้ ด้วยมีรายละเอียดอ่อนช้อยตั้งแต่พื้นจรดเพดาน

พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สถาปนาขึ้นเป็นพระมหาปราสาทประจำกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมีความงดงามวิจิตร สมกับเป็นพระที่นั่งแห่งราชวงศ์ยิ่งนัก

"ปู่ม่านย่าม่าน" หรือภาพหนุ่มกระซิบ เป็นจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ในวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกระซิบสนทนา มีชื่อเสียงว่าเป็นภาพ "กระซิบรักบันลือโลกก็มีให้พบเห็นได้ที่นี่เช่นกัน


สถาปัตยกรรมโดดเด่น
หอพระไตรปิฎกกลางน้ำที่ได้ทำการผาติกรรมมาจากวัดบางใหญ่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เนื่องจากต้องอยู่กลางน้ำจึงมีเสาสูงเป็นเอกลักษณ์ เป็นสถาปัตยกรรมในสมัยอยุธยาตอนปลาย

ศาลหลักเมือง เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อให้เห็นถึงคติความเชื่อเดิมในสังคมไทย เรื่องการอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาสถิตย์เป็นหลักชัยเวลาสร้างบ้านแปงเมือง เพื่อปกป้องคุ้มครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข


ประติมากรรมสะท้อนความเชื่อ
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ปางแสดงปาฏิหาริย์ เป็นปางแสดงพระเดชานุภาพปราบปรามเหล่าอธรรมที่มาย่ำยีโลกและมวลมนุษย์  จึงมีความน่าสะพรึงกลัวให้ปรากฏแก่มวลหมู่มารทั้งหลาย

มณฑปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ในความเชื่อทางศาสนาพุทธ นิกายมหายาน คือพระเทพแห่งเมตตาธรรม มีพระวรกายงดงาม ทรงสังวาลเป็นรูปเนื้อทราย พระพักตร์เศร้าเป็นนิจ แต่มีสายพระเนตรที่แสดงความกรุณาและห่วงใยมวลมนุษย์

เทพนพเคราะห์ประทับบนเทวพาหนะ เป็นประติมากรรมหล่อสำริดที่สง่าและงดงาม สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนความเชื่อเรื่องเทพเจ้าตามคติของศาสนาฮินดูที่มีในสังคมไทย



เหนื่อย... เราไม่เหนื่อย
เราตระเวนขี่จักรยานเที่ยวในแต่ละอาคารสถานที่อย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลากันเลยเชียว แวะทุกจุดที่เราสนใจ ถ่ายภาพกันไม่รู้เบื่อ ภาพที่ได้สวยทุกภาพ ถูกใจทุกมุม มารู้ตัวอีกทีแสงก็จะหมดแล้ว ยังมีอีกหลายที่เลยที่ยังไม่ได้แวะไป
แต่ก็ต้องตัดใจเพราะสมควรแก่เวลาที่จะกลับบ้านกันละ เราสามารถเดินออกจากเมืองโบราณได้อย่างชิลๆ หลังจากที่นำจักรยานไปคืน

พวกเรานั่งแท็กซี่ที่จอดอยู่ในเมืองโบราณกลับออกไป เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีเคหะฯ แท็กซี่ที่นี่ขอค่าบริการพิเศษที่มาจอดคอย 20 บาท เพิ่มเติมจากค่ามิเตอร์ปกติ เมื่อมาถึงสถานีเคหะฯ แล้ว ก็ซื้อตั๋วโดยสารไปสู่ปลายทางที่สถานีอโศกสวนทางกับขามานั่นเอง


ส่งท้ายกันนิด
การเดินทางมาเที่ยวเมืองโบราณในครั้งนี้ ช่างแสนสะดวกสบาย ไม่ต้องฝ่าการจราจรติดหนึบ ไม่หงุดหงิดเพราะไม่ต้องขับรถเอง เราเลือกที่จะนั่งรถไฟฟ้าไปเที่ยว ได้ตื่นเต้นกับสิ่งแวดล้อมใหม่ที่ไม่เคยพบเห็น ผสานกับประสบการณ์ย้อนวัย อย่างการนั่งรถสองแถว (ต่อจากรถไฟฟ้าไปสู่เมืองโบราณ) ที่ใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมายแล้ว แถมด้วยการได้ปั่นจักรยานท่องเที่ยว เลาะเลี้ยวไปสู่แต่ละสถานที่ภายในเมืองโบราณนั่นอีกล่ะ ใครยังไม่เคยลองไปเที่ยวด้วยวิธีนี้ ขอแนะนำให้รีบลองเลย แล้วคุณจะชอบเหมือนเราวันนี้เราอยากจะบอกกับคุณว่า  "พักรถไว้บ้าน ไปเที่ยวเมืองโบราณกัน"


หากต้องการดูข้อมูลและรายละเอียดของเมืองโบราณเพิ่มเติม สามารถติดตามได้จากลิงก์ที่แนบมานี้เลยจ้าาา www.muangboranmuseum.com/about/

ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก #เมืองโบราณ และ #วิกิพีเดีย



























ความคิดเห็น

  1. อ่านแล้ว จนอยากไปเที่ยวพรุ่งนี้เลย 😅😅

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไปเที่ยวแล้ว มาเล่ามาแชร์กันด้วยนะคะ 🥰

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เส้นทางแสนเพลิน ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง

สโลว์ไลฟ์กันบ้างที่.. คุ้งบางกะเจ้า

รู้ไว้ไม่เอาต์ เฮาส์ออฟแม่โขง (House of Mekhong)