เพื่อนพาเที่ยว : เวียงเจียงใหม่ แอ่วตี้ใด๋ดีเจ้า
เช้าวันนี้เราตื่นขึ้นมาในห้องนอนบ้านคุณแมวที่เชียงใหม่ (เพื่อนคนที่ไปรับเราที่สนามบินฯเชียงใหม่และพาตระเวนไปไหนต่อไหนด้วย) มองผ่านม่านหน้าต่างห้องนอนออกไปเห็นแสงแดดอ่อนซ้อนเงาทิวไม้ ฮื้ม!!! ฟินนน.. บ้านเธอน่ารักเก๋ไก๋สไตล์ลอฟท์ แอบเอาบ้านเธอมาโชว์สักนิด เธอออกแบบเอง ตกแต่งเอง กระทั่งผ้าม่านเธอก็ลงมือตัดเย็บเอง ทุกอณูในบ้านจึงอบอวลไปด้วยความรักและความใส่ใจของเธอ และเธอมีลูกสมุนเป็นของตัวเอง ตัวเบ้อเริ่ม หน้าตาก็ดูดุดัน แต่ชื่อช่างอ่อนหวานขัดกันซะละเกินชื่อเจ้าชานม นิสัยขี้อ้อน รักเจ้านาย ชอบให้พาไปเที่ยว เห็นคุณแมวเปิดประตูรถไม่ได้เลย จะพุ่งขึ้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถก่อนใคร
วันนี้คุณแมวจะพาเราออกเที่ยวเมืองเชียงใหม่ ในเวลาจำกัด คือมีเวลาลั้ลลาถึง 4 โมงเย็นเท่านั้น จากนั้นต้องบึ่งรถไปสนามบินให้ทันไฟลท์กลับกรุงเทพฯเย็นนี้ เธอถามว่าอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม เราก็ออกตัวเลยจ้าาา ว่าอยากเที่ยววัดในตัวเมืองเชียงใหม่ เพราะถึงจะเคยมาเชียงใหม่อยู่บ้างแต่ไม่เคยเข้าวัดในตัวเมืองเลยสักครั้ง งานเข้าคุณแมวเสียแล้ว เพราะเธอเป็นคริสตชนแต่เธอก็เต็มใจที่จะพาเราไปวัดล่ะ ลองมาดูกันว่า การพาเที่ยววัดในเมืองแบบคริสตชนคนเชียงใหม่แท้ๆ เขาจะพาเราไปวัดไหนกันบ้าง รับรองว่าคุณจะต้องอึ้ง แต่ละแห่งทรงคุณค่าสมเป็นสมบัติของชาติ มุมถ่ายภาพสวยๆ เต็มไปหมด เหมาะแก่การไปเยี่ยมชมอย่างยิ่ง ครั้งนี้ข้อมูลไม่เยอะแต่ภาพเพียบ เน้นถ่ายรูปจริงจังเพราะอดใจไม่ไหว 😊
เริ่มต้นกันที่วัดพระสิงห์ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าวัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองเก่า บนถนนสามล้าน วัดนี้สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 1888 โดยพญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์มังราย และที่ได้ชื่อว่าวัดพระสิงห์ เพราะได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปพระพุทธสิหิงค์ หรือที่ชาวเมืองเรียกว่าพระสิงห์ จากเมืองกำแพงเพชร มาประดิษฐานไว้ที่วัดนี้ จึงเรียกว่าวัดพระสิงห์ วัดนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวัดหลวงและมีสถาปัตยกรรม อาคาร สิ่งปลูกสร้าง ล้วนแล้วแต่เป็นของเก่าของโบราณ ที่ได้ถูกทำนุบำรุงดูแลมาจนถึงทุกวันนี้ ต้องการทราบประวัติโดยละเอียด ดูได้จากลิงก์ที่แนบนี้ http://www.วัดพระสิงห์เชียงใหม่.com/history.php
วัดศรีสุพรรณ ตั้งอยู่บนถนนวัวลาย เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยพระเมืองแก้วหรือพญาแก้วกษัตริย์ ราชวงศ์มังราย ในปี พ.ศ. 2043 ถึงปัจจุบันก็อายุกว่า 500 ปีแล้ว จุดเด่นของวัดศรีสุพรรณคือมีพระอุโบสถสร้างจากแร่เงินแห่งแรกของโลก สร้างขึ้นเพื่อทดแทนหลังเดิมที่ทรุดโทรมไป โดยฝีมือและภูมิปัญญาของสล่า(ช่าง)ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องเงิน จึงเป็นวัดที่ผู้มาเยือนเชียงใหม่ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปเพื่อแวะชมและศึกษาภูมิปัญญาหัตถกรรมเครื่องเงินของชาวบ้าน อันเป็นการสืบทอดสายพานแห่งภูมิปัญญาเครื่องเงินไม่ให้หายไปจากแผ่นดินไทย
วัดเจ็ดลิน ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2060 มีความสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งราชวงศ์มังรายกล่าวคือ ก่อนจะเสวยราชย์ขึ้นเป็นกษัตริย์ทุกพระองค์ จะต้องเสด็จมาประกอบพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษก ณ หนองน้ำวัดเจ็ดลิน หลั่งน้ำพุทธาภิเษกจากสุวรรณหอยสังข์ ไหลลงมาตามรางที่เรียกว่า "ลิน" ที่ทำด้วยทองคำทั้ง 7 ราง เพื่อสรงพระวรกาย แล้วจึงเปลี่ยนเครื่องทรงกษัตริย์ขึ้นเสวยราชย์ต่อไป จึงเป็นที่มาของชื่อวัดเจ็ดลิน
มาถึงวัดเจ็ดลินแล้ว อย่าพลาดการแอ็คชั่นถ่ายภาพเก๋ๆ บนสะพานโต่วะที่ประดับโคมจิ๋วสีสันสดใสเต็มแนวสะพาน
วัดช่างแต้ม เดิมชื่อ "วัดต้อมแต้มแก้วกว้างท่าช้างพิชัย" ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า สร้างในสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์มังราย ช่วง พ.ศ. 2038 - 2069 (อายุประมาณ 500 ปี) สร้างขึ้นโดยกลุ่มจิตรกร ในภาษาเหนือเรียกว่า "ช่างแต้ม" ทำให้นิยมเรียกว่าวัดช่างแต้มแทนการเรียกชื่อเดิมของวัดที่มีความยาวมากนั่นเอง จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่วิหารทรงล้านนา
วัดเจดีย์หลวง หรือวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์ลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย คาดว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1934 เป็นวัดอารามหลวงแบบโบราณ วัดเจดีย์หลวงสร้างอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ในอดีตถือเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรล้านนา จุดเด่นคือมีพระเจดีย์หลวงฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 56 เมตร สูง 80 เมตรทรงแบบโลหะปราสาทของลังกา รูปลักษณ์ทรงเจดีย์แบบพุกาม สี่มุมของมหาเจดีย์มีรูปปั้นช้างค้ำรายรอบองค์เจดีย์ 28 เชือก วัดนี้มีพื้นที่กว้างขวาง สิ่งน่าสนใจมาก ของเก่าแก่ทรงคุณค่าทั้งนั้น เดินไปถ่ายภาพไปจะเพลินจนลืมเวลาเลยเชียว
วัดอินทขีลสะดือเมือง อยู่บนถนนอินทรวโรรส สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1839 โดยพญามังรายมหาราช เดิมเคยเป็นที่ประดิษฐานเสาอินทขีลของเมืองเชียงใหม่มาก่อน ชื่อวัดมาจากคำว่าอินทขีละ ในภาษาบาลี แปลว่าเสาหิน เสาหลักเมือง กับคำว่าสะดือเมือง ที่มีความหมายว่าอยู่กลางเมือง เนื่องจากวัดนี้สร้างอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่าวัดสะดือเมือง มีพระพุทธรูปสำคัญอยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มานาน คือหลวงพ่อขาว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแบบล้านนา พระพักตร์อิ่มเอิบ ควรค่าแก่การไปสักการะเพื่อให้อิ่มเอมใจเป็นยิ่งนัก
พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ หรือที่มักเรียกกันว่าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ของกษัตริย์ไทย 3 พระองค์ผู้สร้างเวียงเชียงใหม่ ได้แก่ พญามังรายมหาราช พญางำเมือง และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตั้งอยู่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ (ศาลากลางหลังเก่า) บนถนนพระปกเกล้า และอยู่ใกล้กับวัดอินขีลสะดือเมืองเพียงแค่เดินข้ามถนนเล็กๆ (ถนนอินทรวโรรส)เท่านั้น มาถึงเชียงใหม่แล้วอย่าลืมมาถวายความเคารพพ่อเมืองกันนะคะ
ก่อนจะหมดเวลาลั้ลลา ยังพอจะแวะได้อีกสักวัด เพื่อความเป็นสิริมงคล คุณแมวจึงพาเรามายังวัดดวงดี ชื่อวัดก็บอกแล้วว่าดี ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า ไม่ไกลจากพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ วัดดวงดีเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมไม้แกะสลักที่สวยงาม และได้รับการประกาศจากกรมศิลปากรให้เป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2524 วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ไม่ปรากฏชัดว่าสร้างในสมัยใด แต่พบคำจารึกเป็นภาษาไทยยวนบนฐานพระพุทธรูปโลหะองค์หนึ่งที่ประดิษฐานในวิหาร แปลได้ใจความว่าพระพุทธรูปนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2039 นอกจากนี้วัดดวงดียังเคยใช้เป็นสถานที่เล่าเรียนของลูกขุนนางในสมัยก่อน และยังเคยเป็นอาคารเรียนชั่วคราวของนักเรียนยุพราชวิทยาลัยก่อนการสร้างโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยปัจจุบันจะแล้วเสร็จอีกด้วย
ได้เวลาต้องจากกันแล้วค่ะเชียงใหม่ คุณแมวผู้เต็มใจเป็นสารถีให้เพื่อนรีบบึ่งรถมุ่งหน้าสู่สนามบินฯ เชียงใหม่ทันที เพื่อให้ทันไฟลท์บิน เราได้ร่ำลากันเท่าที่มีเวลาเปิดประตูลงจากรถ มีโอกาสดีๆ เราค่อยมาพบกันใหม่จร้าาา 💖
แดดอ่อนแรงพอดีเมื่อเขาประกาศขึ้นเครื่อง แสงกำลังสวย และก็ได้เวลาเครื่องบินเหินฟ้าออกจากสนามบินฯ
ผ่านไปเพียง 1 ชั่วโมงเราก็เห็นแสงไฟจากภาคพื้นผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเครื่องบิน เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเข้าใกล้กรุงเทพฯ แล้ว ในที่สุดการเดินทางก็ถึงเป้าหมายคือสนามบินฯ สุวรรณภูมิ ได้เวลาเดินทางกลับสู่ความวุ่นวายประสาเคยชินอีกหน ในเวลาหัวค่ำการเดินทางต่อจากนี้ด้วยการใช้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เราไม่อยากไปนั่งเซ็งรถติดอยู่บนถนนแน่ๆ จึงขึ้นจากสถานีสุวรรณภูมิ (A1) ปลายทางสถานีมักกะสัน (A6) เพื่อไปเปลี่ยนเป็น MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีเพชรบุรี (BL21) กลับบ้าน
ไม่น่าเชื่อเลยว่าการเดินทางใน 1 วันและเวลาจำกัดขนาดนี้ เราสามารถไปเยี่ยมชมวัดได้มากมาย และที่สำคัญคนที่พาเราไปเนี่ย เขาเป็นคริสตชนเสียด้วย หลายๆ วัดที่ไปอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงคุ้นหูเหมือนวัดที่ได้รับความนิยมระดับประเทศ แต่เชื่อเถอะว่าคุณจะไม่ผิดหวังเลยที่ได้ไป เรามั่นใจ...เพราะคนที่พาเราไปเขาเป็นคนเจียงใหม่แต๊ๆ เจ้าาาาา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น