ไปไม่ยาก ปากน้ำ สมุทรปราการ
สุดสัปดาห์นี้ ถ้าใครยังไม่รู้จะไปไหนเราขอเชิญชวนไปเที่ยวสมุทรปราการกัน ไฮไลท์วันนี้คือการเดินทางแบบครบรส ทั้งขึ้นรถไฟฟ้า ลงเรือ และเดินเที่ยว อิ่มเอมกับวิวสวย และตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศที่นานๆ ครั้งจะได้สัมผัส
สมัยนี้การจะเดินทางไปสมุทรปราการกลายเป็นเรื่องง่ายไปแล้ว เพราะสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ได้ วันนี้จะชวนคุณๆ ไปปากน้ำสักการะพระสมุทรเจดีย์ ถ่ายภาพเท่ๆบนสะพานเหล็ก และไปเที่ยวชมป้อมผีเสื้อสมุทรกัน ใครที่ไม่เคยไปมาก่อน แนะนำให้เตรียมจัดทริปไปอย่างด่วนเลยค่ะ
เราเริ่มต้นการเดินทางกันด้วยการใช้บริการ BTS สายสุขุมวิท (สีเขียวอ่อน) เพื่อไปปลายทางที่ สถานีปากน้ำ (E19) ออกทางออกที่ 4
ออกจากสถานีแล้วเดินเลียบตามทางมาเรื่อยๆ เป้าหมายคือเราจะไปขึ้นเรือข้ามฟากบริเวณตลาดปากน้ำเพื่อไปวัดพระสมุทรเจดีย์ ระหว่างทางจะผ่านจุดที่ต้องแวะ แชะ ชม อยู่หลายจุด การเดินเที่ยวก็ดีอย่างนี้นี่เอง จุดแรกที่พบคือ วิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการ สามารถแวะเข้าสักการะองค์พระพุทธชินราชจำลองได้ เป็นพระพุทธรูปสำริด ขนาดหน้าตักสามศอก (60 นิ้ว) ปางมารวิชัย ซึ่งเป็นปางเดียวกับพระพุทธชินราชแห่งวัดพระศรีมหาธาตุจังหวัดพิษณุโลก
สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่คงความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นให้เราเดินผ่านก่อนไปถึงเป้าหมายอีกด้วย และที่เห็นเหมือนอาคารประภาคารที่แทบจะมองเห็นได้จากทุกมุมของปากน้ำเลยเชียว นั่นก็คือ อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทยและหอชมเมืองสมุทรปราการ
เดินมาจนถึงตลาดปากน้ำ นั่นไง!! ท่าเรือข้ามฟาก (ท่าเรือวิบูลย์ศรี) ที่จะใช้ข้ามไปยังท่าเรือพระสมุทรเจดีย์ เดินเข้าไปเล้ยยย
จากท่าเรือเดินเลี้ยวขวาตามทางมาเรื่อยๆ ให้สังเกตองค์พระเจดีย์ที่โดดเด่น ยังไงก็ไม่มีทางหลงอย่างแน่นอน เรารีบแวะมาสักการะพระสมุทรเจดีย์ ที่วัดพระสมุทรเจดีย์กันก่อน พร้อมกับชื่นชมความงามรอบบริเวณวัดไปด้วย
พระสมุทรเจดีย์สร้างขึ้นโดยพระราชดำริในรัชกาลที่ 2 แต่ได้ถูกจัดสร้างและแล้วเสร็จในรัชกาลที่ 3 หลังจากนั้นได้ถูกบูรณะเรื่อยมา จนเป็นดังเช่นทุกวันนี้
เดินไปตามทางสักพักจะพบทางเข้าป้อมผีเสื้อสมุทร เพียงลงทะเบียนเยี่ยมชมที่ประตูทางเข้า เราก็สามารถผ่านเข้ามาเดิน มาชม มาศึกษาประวัติศาสตร์ด้านในได้แล้ว
ป้อมผีเสื้อสมุทร เป็นป้อมที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 2 โดยถูกสร้างขึ้นมาบนเกาะกลางน้ำ จากนั้นในรัชกาลที่ 3 ได้ทำการปรับปรุงป้อม จัดสร้างกำแพงปีกกาขยายออกทั้ง 2 ด้าน ลักษณะป้อมจึงเหมือนผีเสื้อ เป็นที่มาของชื่อป้อมผีเสื้อสมุทร
ในรัชกาลที่ 5 ได้มีการสั่งซื้อปืนใหญ่ที่ทันสมัยจากอังกฤษ ติดตั้งไว้ที่ป้อมผีเสื้อสมุทร 3 กระบอก มีชื่อเรียกปืนใหญ่นี้เป็นภาษาไทยว่าปืนเสือหมอบ
มีอาคารชั้นเดียวผนังทึบ และมีท่อเหล็กเหมือนลำโพงโผล่ขึ้นหลังคาเป็นแถว นั่นคือตึกเก็บกระสุนปืน ส่วนที่เหมือนลำโพงคือปล่องระบายอากาศ เป็นระบบระบายความร้อนของห้องเก็บดินระเบิดในยุคนั้น
และมีคลังทุ่นระเบิดเป็นอาคารชั้นเดียวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาสูง ก่อด้วยอิฐแดง คล้ายโกดัง เคยใช้เก็บทุ่นระเบิดและอาวุธ แต่ปัจจุบันปล่อยโล่ง และเป็นที่สำหรับศาลโขนเรือปาราวตี
เดินระเรื่อยเข้าไป จะเห็นทางไปสู่ท่าเทียบเรือ เรามุ่งหน้าไปทันที วิวแม่น้ำกว้างไกล อากาศดี ลมแรง มีเรือใหญ่ลอยลำอยู่มากมาย วิวแบบนี้สมควรเก็บภาพไว้อย่างยิ่ง แชะไปเลย กี่ภาพก็ได้
ออกจากสถานีแล้วเดินเลียบตามทางมาเรื่อยๆ เป้าหมายคือเราจะไปขึ้นเรือข้ามฟากบริเวณตลาดปากน้ำเพื่อไปวัดพระสมุทรเจดีย์ ระหว่างทางจะผ่านจุดที่ต้องแวะ แชะ ชม อยู่หลายจุด การเดินเที่ยวก็ดีอย่างนี้นี่เอง จุดแรกที่พบคือ วิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการ สามารถแวะเข้าสักการะองค์พระพุทธชินราชจำลองได้ เป็นพระพุทธรูปสำริด ขนาดหน้าตักสามศอก (60 นิ้ว) ปางมารวิชัย ซึ่งเป็นปางเดียวกับพระพุทธชินราชแห่งวัดพระศรีมหาธาตุจังหวัดพิษณุโลก
เดินสบายๆ มาเจอจุดชมวิวแม่น้ำกว้างใหญ่ บริเวณศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ มีเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปีในหลวงรัชกาลที่ 9 แวะสักนิดแล้วจะเพลิดเพลินอารมณ์ ลมก็เย็น วิวก็ดี
สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่คงความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นให้เราเดินผ่านก่อนไปถึงเป้าหมายอีกด้วย และที่เห็นเหมือนอาคารประภาคารที่แทบจะมองเห็นได้จากทุกมุมของปากน้ำเลยเชียว นั่นก็คือ อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทยและหอชมเมืองสมุทรปราการ
เดินมาจนถึงตลาดปากน้ำ นั่นไง!! ท่าเรือข้ามฟาก (ท่าเรือวิบูลย์ศรี) ที่จะใช้ข้ามไปยังท่าเรือพระสมุทรเจดีย์ เดินเข้าไปเล้ยยย
ในที่สุดเราก็ได้ลงเรือข้ามฟาก มีผู้ร่วมเดินทางเกือบเต็มลำ ทั้งคนพื้นที่ และนักท่องเที่ยว เอิ่ม...สังเกตจากการแต่งกายเอาน่ะ แอบถ่ายนักท่องเที่ยวที่ใส่เสื้อครอบครัวมาด้วย ใส่เสื้อลายเดียวกันสีเดียวกันทั้งพ่อ แม่ ลูก ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ อย่างนี้ไม่มีหลงกันแน่ นั่งชมวิวจากการนั่งเรือด้วยความตื่นตา พร้อมแชะภาพด้วยความตื่นใจ ฟังเสียงเครื่องยนต์เรือที่ดังแปลกหู เพียงไม่นานก็มาถึงท่าเรือพระสมุทรเจดีย์กันแล้ว เห็นเรือโดยสารแบบเดียวกับที่เราอาศัยมา จอดเทียบท่าเป็นระเบียบอยู่เต็มไปหมด
พระสมุทรเจดีย์สร้างขึ้นโดยพระราชดำริในรัชกาลที่ 2 แต่ได้ถูกจัดสร้างและแล้วเสร็จในรัชกาลที่ 3 หลังจากนั้นได้ถูกบูรณะเรื่อยมา จนเป็นดังเช่นทุกวันนี้
ออกจากวัดพระสมุทรเจดีย์จะเห็นสะพานแขวนโครงเหล็กที่มองเห็นฝั่งตรงข้ามเป็นป่าชายเลน เรามุ่งหน้าไปที่สะพานนั้นกันเลย บนสะพานสวยแปลกตา มุมมองลำน้ำด้านล่างก็สวยงามมีเรือผ่านมาเป็นระยะๆ มองเห็นพระสมุทรเจดีย์จากบนสะพาน หลังเก็บภาพแล้ว เราก็ลงสะพานไปอีกฝั่ง เดินไปตามทางที่จัดสร้างไว้อย่างดี ทางนี้จะพาเราไปยังป้อมผีเสื้อสมุทรกันล่ะ
ป้อมผีเสื้อสมุทร เป็นป้อมที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 2 โดยถูกสร้างขึ้นมาบนเกาะกลางน้ำ จากนั้นในรัชกาลที่ 3 ได้ทำการปรับปรุงป้อม จัดสร้างกำแพงปีกกาขยายออกทั้ง 2 ด้าน ลักษณะป้อมจึงเหมือนผีเสื้อ เป็นที่มาของชื่อป้อมผีเสื้อสมุทร
ในรัชกาลที่ 5 ได้มีการสั่งซื้อปืนใหญ่ที่ทันสมัยจากอังกฤษ ติดตั้งไว้ที่ป้อมผีเสื้อสมุทร 3 กระบอก มีชื่อเรียกปืนใหญ่นี้เป็นภาษาไทยว่าปืนเสือหมอบ
มีอาคารชั้นเดียวผนังทึบ และมีท่อเหล็กเหมือนลำโพงโผล่ขึ้นหลังคาเป็นแถว นั่นคือตึกเก็บกระสุนปืน ส่วนที่เหมือนลำโพงคือปล่องระบายอากาศ เป็นระบบระบายความร้อนของห้องเก็บดินระเบิดในยุคนั้น
และมีคลังทุ่นระเบิดเป็นอาคารชั้นเดียวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาสูง ก่อด้วยอิฐแดง คล้ายโกดัง เคยใช้เก็บทุ่นระเบิดและอาวุธ แต่ปัจจุบันปล่อยโล่ง และเป็นที่สำหรับศาลโขนเรือปาราวตี
เดินระเรื่อยเข้าไป จะเห็นทางไปสู่ท่าเทียบเรือ เรามุ่งหน้าไปทันที วิวแม่น้ำกว้างไกล อากาศดี ลมแรง มีเรือใหญ่ลอยลำอยู่มากมาย วิวแบบนี้สมควรเก็บภาพไว้อย่างยิ่ง แชะไปเลย กี่ภาพก็ได้
เรียนรู้และถ่ายภาพจนหนำใจ ก็ถึงเวลาต้องลาจากป้อมผีเสื้อสมุทรกันแล้ว เราเดินกลับมาทางเดิม วิวยามใกล้ค่ำบนสะพานก็เปลี่ยนไป ดูสงบ เย็น ไม่วุ่นวาย จนคนชอบแชะอดไม่ได้ต้องเก็บภาพอีก จากนั้นก็ไปลงเรือจากท่าเรือพระสมุทรเจดีย์เพื่อกลับมาท่าเรือวิบูลย์ศรีที่ตลาดปากน้ำ
ไหนๆก็มาถึงที่นี่และวันนี้ก็เห็นมาทั้งวัน ไปเยี่ยมเขากันหน่อยนะ แลนด์มาร์คของปากน้ำ "อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทยและหอชมเมืองสมุทรปราการ" หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆว่า หอชมเมืองสมุทรปราการ จากท่าน้ำวิบูลย์ศรี เดินลัดเลาะไปไม่นานก็มาถึงแล้ว
ที่นี่สร้างขึ้นภายในพื้นที่ราชพัสดุซึ่งเป็นเรือนจำเก่า ยังมีการเก็บบางส่วนของกำแพงและป้อมเรือนจำไว้เป็นอนุสรณ์ ยังไม่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ สามารถชื่นชมได้แต่ภายนอก เรามาถึงจุดนี้เป็นช่วงเวลากลางคืน แต่เราก็สามารถเห็นหอชมเมืองได้อย่างชัดเจน แถมสวยเสียด้วย เพราะเขาตกแต่งหอชมเมืองให้สวยสดใสด้วยแสงสีคัลเลอร์ฟูล
ค่ำแล้ว ได้เวลาอันสมควรต้องกลับบ้าน ใช้เส้นทางเดิมกับที่มานั่นแหละ คือไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีปากน้ำ (E19) วันนี้ได้เที่ยวเต็มที่โดยไม่ต้องขับรถมาเอง ไม่ต้องกลัวรถติด ไม่ต้องห่วงว่าจะจอดรถไว้ตรงไหน กลับมาแล้วรถจะเป็นยังไง แต่เที่ยวสนุกจะไปไหนก็ไปไม่ต้องห่วงอะไร ใครที่คิดอยากเที่ยวสมุทรปราการแต่ไม่รู้จะไปยังไง แนะนำวิธีของเราที่ไม่ต้องขับรถตัวเองออกมาให้ลำบากตัวลำบากใจ เห็นไหมบอกแล้ว... ไปไม่ยาก ปากน้ำ สมุทรปราการ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น