สนามไชย ไม่ไปไม่ได้แล้ว




จากที่ชวนไปเที่ยวกันมาก็หลายครั้ง ใช้รถไฟฟ้ากันมาก็หลายหน  ผ่านสนามไชยกันมาก็หลายรอบ แต่เรายังไม่เคยได้สำรวจย่านสนามไชยกันจริงๆ จังๆ สักที วันนี้ล่ะ เราจะพากันไปนะ มีสถานที่ไหนน่าสนใจบ้างน้าาาา สถานีสนามไชย มิวเซียมสยาม วัดโพธิ์ สะพานพุทธ ยอดพิมานริเวอร์วอล์ค อืม!!  ล็อกเป้า ตามนี้เลยจ้าาา ป่ะ... ออกเดินทาง



การเดินทางไปย่านสนามไชยที่สะดวกที่สุดในปัจจุบันคงไม่มีอะไรเทียบได้กับการใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน แล้วล่ะค่ะ จุดหมายที่สถานีสนามไชย (BL31) เมื่อมาถึงแล้ว เราก็จะพบสถานีที่โอ่อาสวยงาม และมีความน่าเกรงขามอยู่ในที  เป็นสถานีที่เขาตั้งใจออกแบบให้มีลักษณะเสมือนท้องพระโรงในยุคสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ดังนั้นก่อนที่คุณจะออกจากสถานีไป อย่าลืมแชะภาพเท่ๆ เกร๋ๆของคุณในแต่ละมุมไว้เป็นที่ระลึกกันด้วยน้าาา  ^^  แชะภาพกันจนหนำใจแล้ว เราจะออกจากสถานีนี้ด้วยประตูทางออกที่ 1  เพื่อไปยังมิวเซียมสยามจ้าาา



   
ขึ้นมาบนภาคพื้น เราจะเห็นมิวเซียมสยามอยู่ตรงหน้าพอดิบพอดี  เดินตรงเข้าไปเล้ยยย ไปซื้อตั๋วเข้าชมกัน มิวเซียมสยามคืออะไรเหรอ? คือ พิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้จ้าาา เป็นพิพิธภัณฑ์แนวใหม่ที่มุ่งเน้นให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นสดใหม่ในขณะเดินชมพิพิธภัณฑ์ บอกเล่าความเป็นมาเป็นไปของสยามประเทศ นอกจากนี้ ที่ชั้น 1 ของอาคาร ยังมีนิทรรศการสัญจรที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาจัดให้ชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายกันอยู่เป็นประจำ และที่ชั้น 1 นี้ยังมีร้านค่าเฟ่ชิคๆ เปิดให้บริการทั้งกาแฟและเบเกอรี่ สำหรับนักเดินทางผู้เหนื่อยล้าไว้พักขาแก้เมื่อย เพิ่มคาเฟอีน เติมความหวานเติมพลังให้ชีวิตไปลุยต่อได้อีกด้วยนะ
หากใครนิยมความเป็นส่วนตั๊วส่วนตัวกว่านี้ เราขอแนะนำให้คุณเดินอ้อมอาคารหลังนี้ไปทางด้านขวา เดินตามทางที่เขาจัดไว้ให้อย่างสวยงาม จะพบร้านกินดื่มอีกร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาแมกไม้ มีความสงบและร่มรื่น คนไม่พลุกพล่าน และที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนคือ ด้านข้างร้านจัดทำเป็นสวนหย่อมสวยเก๋ ร่มรื่น เหมาะกับการมานั่งคุยหนุงหนิงในยามแดดร่มลมตกให้รื่นรมย์ใจนักเชียว
สนใจข้อมูลเกี่ยวกับมิวเซียมสยามเชิญดูต่อได้ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ https://www.museumsiam.org/About



   
เป้าหมายต่อไปของเราคือ วัดโพธิ์ เดินไปตามป้ายบอกทางได้อย่างง่ายดาย วัดโพธิ์ หรือ ชื่อเต็มๆ ว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่คุณจะพลาดมากถ้าไม่ได้ไปเยี่ยมเยือน เพราะมีงานพุทธศิลป์มากมายให้ชม วัดแห่งนี้มีความสำคัญคือเป็นวัดประจำรัชกาลของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย แต่ที่สำคัญกว่านั้น ที่นี่มี เจดีย์ 4 รัชกาล คือเจดีย์ประจำพระองค์ของพระมหากษัตริย์ต้นราชวงศ์รัตนโกสินทร์  ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 4 นั่นเอง จะสวยงามและอลังการขนาดไหนต้องไปชมกัน  

วัดโพธิ์แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงระดับโลกอีกด้วย เพราะยูเนสโก้ได้ทำการขึ้นทะเบียนให้ "จารึกวัดโพธิ์" (จารึกอักษรบนแผ่นศิลา) จำนวน 1,440 ชิ้นเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก ต้องไปหาชมให้ได้เชียวนะคะคุณ

นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์เด็ดที่จะพลาดไม่ได้ นั่นคือ ตามหายักษ์วัดโพธิ์ แถ่น แท้นนน... ในความทรงจำของคุณ ยักษ์วัดโพธิ์หน้าตาเป็นอย่างไรเหรอ ?  ถ้าคุณคิดว่ายักษ์วัดโพธิ์คือยักษ์หินสูงใหญ่เท่ายักษ์วัดแจ้ง หน้าตาเป็นยักษ์จีนหรือยักษ์ฝรั่งละก็ คุณคิด...ผิด!!!  แฮ่… ขอสารภาพว่าเราคิดแบบนั้นเลยแหละ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยักษ์วัดโพธิ์ไม่ได้มีร่างใหญ่โตอย่างที่คิดเลย ปัจจุบันอยู่ในตู้กระจก ยืนเฝ้าประตูทางเข้าหอไตรจตุรมุขอยู่ 2 ประตู ประตูละ 2 ตน ซึ่งเราพบแล้ว  1 ประตู คือยักษ์ที่ชื่อว่า พญาขรและสัทธาสูร  ยังขาดอีก 1 ประตู ที่จะมียักษ์อีก 2 ตน คือ มัยราพณ์และแสงอาทิตย์ เราฝากคุณๆ ไปตามหาหน่อยนะ หากพบแล้วเอามาแบ่งปันประสบการณ์กันด้วยจ้าาา

ในวัดนี้มีสถาปัตยกรรมให้ชมมากมายเหลือเกิน เช่นพระสำคัญๆ ต่างๆ ลั่นถันหรือตุ๊กตาศิลาที่เรียงรายมากมายรอบวัด พระระเบียง และยังฤๅษีดัดตน ที่มีอยู่รอบวัดนั่นอีกล่ะ ว่ากันตรงๆ อยู่ทั้งวันยังได้เลย แต่ถ้าเรามัวเพลินอย่างนี้ คงพาคุณชมได้แค่ที่วัดนี้วัดเดียวเท่านั้น เราไปที่อื่นกันบ้างดีกว่า
หากสนใจข้อมูลรายละเอียดของวัดโพธิ์ คลิกเข้าไปดูที่ลิงก์นี้ได้เลย http://www.watpho.com/th/architecture



   
แดดร่มลมตกแล้ว เราเดินเอื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งรีบย้อนกลับมาทางทิศเดียวกับมิวเซียมสยาม เพื่อมุ่งหน้าไปยังสะพานพุทธ  ระหว่างทางเดินจะผ่านตลาดดอกไม้ยอดพิมาน หรือที่ใครๆ รู้จักกันดีในชื่อปากคลองตลาด ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าเป็นตลาดขายส่งดอกไม้และผักสดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองกรุงเชียวล่ะ เดินเฉียดหน้าตลาดก็พอนะ เพราะขืนเดินเข้าไปล่ะก็ คงอดใจไม่ไหวเป็นอันต้องช็อปดอกไม้ทันทีแน่ๆ ก็เราไม่อยากหอบหิ้วอะไรมากมายในตอนนี้นี่นา แค่หางตาปรายไปเห็นดอกไม้หลากสีสันก็ยั่วยวนจนแทบจะผวาไปหาแล้ว โอย... ตาย ตาย ตาย ต้องรีบตัดใจไม่มอง บอกตัวเองว่าเดี๋ยวค่อยแวะช็อปดอกไม้กันช่วงก่อนจะกลับบ้านนะจ๊ะตัวเธอ ไม่ต้องกลัวว่าตลาดจะวายเสียก่อนเพราะตลาดนี้เขาเปิดขายกันจนดึกจนดื่นเลยล่ะ คุณๆ ก็เช่นกัน ถ้าชอบดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  เราเชียร์ให้ช็อปเล้ยยย ก็ของเขาทั้งคุณภาพดีและราคาไม่แพงนี่นา ตรงข้ามตลาดดอกไม้ยอดพิมานก็คือท่าเรือยอดพิมาน จุ๊ จุ๊... ที่นี่แหละของดีที่เราจะกลับมาเดินกันในยามอาทิตย์หลุบแสง 



   
สะพานพุทธที่อยู่ตรงหน้าเรานี้ มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่าสะพานพระพุทธยอดฟ้า  แต่ก็ยังไม่ใช่ชื่ออย่างเป็นทางการอยู่ดี ชื่อที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการต้องเรียกว่าสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ มีเจตนาในการสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อการคมนาคมของ 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรี
เมื่อเรามาถึงสะพานพุทธ แสงกำลังสวยงามเลยเชียว น่าแชะภาพเป็นที่สุด ก็จัดไปสิค้าาา จะรออะไร แต่ที่สำคัญการชมความงาม และการแชะภาพบนสะพานนี้มีสิ่งที่ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ นั่นคือจักรยาน เพราะบนสะพานนี้มีเส้นทางจักรยานให้นักปั่นได้ใช้ทางร่วมด้วย จึงเกิดการระวังกันเองระหว่างนักปั่นกับนักแชะ เมื่อระวังตัวดีแล้วก็ถ่ายภาพกันให้คุ้มกับที่เดินมาถึงนี่ซะเลย เดี๋ยวเราจะเดินย้อนกลับไปทางยอดพิมานกันแล้ว
สนใจข้อมูลรายละเอียดของสะพานพุทธเพิ่มเติมสามารถดูได้จากลิงก์นี้  http://library.bsru.ac.th/arcbs/images/content/153_cover_20170505_151240.pdf


แสงอาทิตย์ถูกความมืดเบียดแทรกเข้าไปทุกที เรามุ่งหน้าสู่ยอดพิมานตามที่สัญญากันไว้ สายลมเย็นเอื่อยๆ สัมผัสถูกผิว ทำให้รู้สึกสบายขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว เดินขึ้นไปชั้นบนของอาคารท่าเรือยอดพิมานที่เขาเรียกกันว่า ยอดพิมานริเวอร์วอล์ค โอ้วววว  เราถึงกับตะลึงตึงตึงกันเลยทีเดียว แสงสียามค่ำคืนบนนี้ช่างสวยงามแจ่มว้าวจริงจัง มีร้านเปิดให้บริการกินดื่มหลายร้าน แต่ละร้านสามารถมองเห็นทัศนียภาพยามค่ำได้อย่างทั่วถึง นอกจากจะช่วยให้อิ่มท้องแล้ว ยังอิ่มตาและอิ่มใจได้ในคราวเดียวกัน แต่ถ้าใครไม่สามารถเติมเต็มความอิ่มท้องได้อีกแล้ว ก็เดินเล่นแชะภาพโดยรอบได้ ส่วนเราเองหลงใหลแสงสียามค่ำแบบนี้สุดๆ กล้องถูกยกขึ้นมาใช้ตอนไหนไม่รู้ กดถ่ายภาพแบบรัวๆ หันไปทางไหนก็ว้าว ไม่ว่าจะหันไปทางสะพานพุทธ โบสถ์คริสต์ที่ฝั่งแม่น้ำ ไหนจะพระปรางค์สว่างไสว แม้แต่บนอาคารนี้เองก็เถอะยังแข่งความสวยงามแบบไม่ยอมแพ้กันเลยทีเดียว เดินถ่ายรูปเพลินแค่ไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีเราเดินมาจนสุดทางของอาคารแล้ว ตรงนี้เองที่ชั้น 1 จะเป็นท่าเรือราชินี หรือท่าเรือปากคลองตลาด เราสามารถลงจากอาคารได้ที่บริเวณนี้  อ้อ!!! ลงจากอาคารแล้ว อย่าลืมแวะไปช็อปดอกไม้ที่หมายตาไว้จากตลาดดอกไม้ยอดพิมานติดมือกันก่อนน้าาาา



ใครจะไปคิดว่าการมาเที่ยวย่านสนามไชยใช้เวลาหมดไปได้ทั้งวัน เราตักตวงความสุขกลับไปเต็มพิกัด เหมือนได้ชาร์จแบตฯ เพิ่มพลังให้กับตัวเองอย่างเต็มที่  ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วสมควรแก่เวลาที่จะกลับบ้านกันแล้วล่ะ เดินออกจากท่าราชินี ไปหาโรงเรียนราชินีด้วยทางปูนที่เขาทำไว้ให้เดินได้อย่างสะดวกสบาย แล้วเราก็พบทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสนามไชย ประตู 5 อยู่ข้างโรงเรียนราชินีนี่เอง

เห็นมะ!!! เดินทางง้ายง่าย ไม่ต้องขับรถเองด้วย ไม่ต้องหาที่จอดรถให้วุ่นวาย ไม่หงุดหงิดกับรถติด แล้วเราก็เที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย ไปได้หลายสถานที่ คุณล่ะ...เคยเที่ยวด้วยวิธีแบบนี้ไหม?  หยุดสุดสัปดาห์รีบนัดกลุ่มก๊วนของคุณให้ดี ไม่ว่าจะสายแฟ(ชั่น) สายโฟ(โต้) สาย(เซล)ฟี่ ที่สำคัญ... อย่าลืมคว้ากล้องที่ถนัดมือแล้วออกลุยกันเลย เพราะสนามไชย ไม่ไปไม่ได้แล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เส้นทางแสนเพลิน ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง

รู้ไว้ไม่เอาต์ เฮาส์ออฟแม่โขง (House of Mekhong)

เยาวราช เป๊ะ ปั๊วะ ปัง รับพลังบนเส้นทางมังกร