สโลว์ไลฟ์กันบ้างที่.. คุ้งบางกะเจ้า



ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว!!! อยากเที่ยวจังเลยอ่าาา จะมีไหม๊น้าาา... ที่เที่ยวใกล้กรุงแนวสโลว์ไลฟ์ กินลมชมวิว นั่งเรือข้ามฟาก ปั่นจักรยานลัดเลาะ ลงมือทำงานคราฟต์ ทานอาหารฝีมือชาวบ้าน แวะดื่มกาแฟชิคๆ เดินเที่ยวตลาดน้ำ  อู้ยยย!!! เพ้อออ มีที่เที่ยวแบบนี้อยู่จริงเหรอ?  แหม... มีสิค้าาา สนใจแล้วใช่ไหมล่ะ ก็ "คุ้งบางกะเจ้า" ไง เริ่ดมากขอบอก  ไม่เชื่อใช่มะ งั้นก็ต้องพิสูจน์ล่ะเจ้าค่ะ
 

การเดินทางไปเที่ยวคุ้งบางกะเจ้าเลือกเดินทางได้หลายวิธี แต่ขอแนะนำ 2 วิธีนี้ค่ะ เพื่อสัมผัสกับความสโลว์ไลฟ์ได้เต็มที่
วิธีแรก นั่งรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน ไปที่สถานีบางนา (E13) แล้วเรียกพี่มอ'ไซค์วินไปส่งที่ท่าเรือวัดบางนานอก จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปขึ้นที่ท่าเรือฝั่งตรงข้ามในเขตบางน้ำผึ้ง แนะนำให้ไปที่ 2 ท่านี้ คือ ท่าเรือตาเลื่อน (รับ-ส่งเฉพาะผู้โดยสาร) และท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก (รับ-ส่ง ทั้งผู้โดยสารและจักรยานยนต์) สะดวกทั้ง 2 ท่า เลือกได้ในแบบที่ชอบ
   


วิธีที่สอง เดินทางไปที่วัดคลองเตยนอกตามแนวทางที่คุณถนัด เพื่อไปลงเรือที่ท่าเรือวัดคลองเตยนอก ซึ่งอยู่ด้านข้างวัด ถ้าขับรถยนต์ไปเอง สามารถจอดรถได้ภายในวัดคลองเตยนอก แต่แอบกระซิบว่าที่จอดรถมีน้อยมาก เพราะสิ่งปลูกสร้างแน่นเต็มวัด จอดรถในวัดแล้วก็เดินออกมาทางประตูวัดมองไปทางขวา จะพบท่าเรือวัดคลองเตยนอกอยู่ที่สุดปลายทาง เดินไปตามทางได้เลยไม่ต้องกลัวหลง เรือข้ามฟากไปขึ้นที่ท่าเรือกำนันขาว ในเขตบางกะเจ้า เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เรือข้ามฟากจะเป็นเรือหางยาว ได้อารมณ์ฟินไปอีกแบบ

เราเลือกเดินทางโดยวิธีนี้เพราะใกล้ที่พักเราที่สุด เมื่อไปถึงท่าเรือกำนันขาวแล้ว เราก็เลือกเช่าจักรยานที่บริเวณท่าเรือเลย เพื่อใช้เป็นตัวช่วยให้วิถีสโลว์ไลฟ์ของเราสมบูรณ์แบบมากขึ้น ความจริงคือ... ขี้เกียจเดินอ่ะค่า แฮ่... ราคาและนโยบายการให้บริการเช่าจักรยานที่คุ้งบางกะเจ้าในแต่ละร้านส่วนใหญ่ใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นราคาเหมาทั้งวัน เลือกจักรยานในแบบที่ชอบแนวที่ถนัดกันได้เลย ที่ร้านนี้เราเช่าได้ในราคาคันละ 60 บาทจ้ะ อ้อ... อย่าลืมถามเวลาที่ต้องคืนจักรยาน เรือจะหมดกี่โมง รวมถึงทางที่จะไปเที่ยว ดูแผนที่ หรือถ่ายภาพแผนที่ท่องเที่ยวที่ติดอยู่ที่ร้านเพื่อเป็นแนวในการเดินทางมาด้วยนะ (สำหรับคุณๆ ที่ไปใช้บริการที่ท่าเรืออื่น ไม่ต้องกังวลว่าจะหาจักรยานเช่าไม่ได้ มีบริการจักรยานให้เช่าทุกท่าเรือเลยค่ะ)
       
   
   


ออกจากร้านเช่าจักรยาน หรือก็คือท่าเรือกำนันขาวนั่นแหละ เราไปตามทางตรงๆ ไปเรื่อยๆ จุดหมายแรกที่ตั้งใจไปก็คืออยากจะไปดู พระพิฆเนศ  ที่วัดพราหมณ์มหาเทวลัย ตั้งอยู่ที่ซอยเพชรหึงษ์ 33  ไปค่ะไปกัน ที่นี่ปั่นจักรยานไม่ยาก แต่ก็ควรปั่นด้วยความระมัดระวัง เพราะเราใช้ถนนเดียวกับรถยนต์ และจักรยานยนต์อะจร้าาา เราไปตามป้ายบอกทาง ถ้ากลัวหลงเราสามารถใช้ Google Map เป็นตัวช่วยก็ไม่ผิดกติกาใดๆ ระหว่างทางที่ปั่นจักรยานไปนั้นพบว่าสองข้างทางร่มรื่น พบสวนผัก สวนผลไม้ สลับกับบ้านอยู่อาศัย แต่เหนือสิ่งอื่นใด ร้านอาหาร ร้านกาแฟ มีให้เห็นประปรายตลอดทางเช่นกัน จนกระทั่งเราปั่นมาถึงวัดราษฎร์รังสรรค์ เราต้องหยุดกึ้กทันที เพราะสายตาไปป๊ะกับฝั่งตรงข้ามวัด โอ้ววว... ร้านหอยทอดผัดไทยเจ๊รุ่ง ช่างยั่วยวนใจเหลือเกิน พุ่งไปทันทีเลยจร้าาา อยากกินหอยทอดอ่ะ จัดสิคะ รออะไร บอกเลย ดีงามมาากกก รสชาติดั้งเดิมเหมือนกินตอนเด็กๆ ทั้งกรอบนอกนุ่มใน ได้เท็กซ์เจอร์จริงๆ ค่าคุณ ถ้าผ่านมาอย่าลืมแวะชิมกันนะ อยู่ติดกันเป็นร้านใบชาเบตงที่ขายเครื่องดื่มร้อนเย็น และมีโจ๊กบางกอกขายร่วมด้วย คู่หูเราสั่งทันที พอโจ๊กมาวางปุ๊บก็จ้วงใส่ปากปั๊บเลย อ้าววว! จบกัน...ไม่มีภาพถ่ายของโจ๊กเลยอ่ะ แต่นางการันตีว่าอร่อย มีเส้นหมี่ทอดกรอบให้โรยไม่อั้นด้วยเอ้า คือดีตรงเน้ 😋 ราคาก็ดีงาม ไม่มีการเจ็บตัวเจ็บใจแต่อย่างใด อิ่มแล้วก็ไปปั่นต่อเนอะ มัวเอ้อระเหยแบบนี้คงไปไหนไม่ได้ไกล ฮ่าาาา
   
   


ในที่สุดเราก็ปั่นจักรยานมาถึงวัดพราหมณ์มหาเทวลัย เป็นแลนด์มาร์คหนึ่งในคุ้งบางกะเจ้าแห่งนี้ รีบเข้าไปดูเลยจ้า สิ่งที่คนมาถึงที่นี่แล้วจะพลาดไม่ได้เลยก็คือ การไปสักการะองค์พระพิฆเนศ ปางมหาราชาองค์ใหญ่องค์นี้ หากใครเป็นสายมูฯ ที่นี่มีการทำพิธี "เสริมบารมี" ด้วย สามารถติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ได้เลย แต่เราไม่สันทัดกับเรื่องแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราขอผ่านเรื่องนี้นะเจ้าคะ เดินทางไปต่อกันค่ะ


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเที่ยวตลาด ไม่ว่าจะตลาดน้ำหรือตลาดบก คุณต้องเคยได้ยินชื่อตลาดดังแห่งคุ้งบางกะเจ้ามั่งล่ะ นั่นคือ ตลาดบางน้ำผึ้ง ที่ที่เรากำลังจะปั่นจักรยานไปเยี่ยมเยือนนั่นเอง ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดที่ถูกจัดสร้างขึ้นเพื่อสร้างโอกาสการค้าขายให้กับผู้คนในชุมชนโดยแท้ ช่วงเริ่มต้นของการสร้างตลาดจึงมีเฉพาะคนที่อยู่ในชุมชนแห่งนี้เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งร้านค้าขายได้ จำนวนร้านค้าจึงไม่มากนัก แต่เมื่อตลาดเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผู้คนแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนตลาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องเพิ่มผู้ค้าให้มากขึ้นโดยการชักชวนลูกหลานของคนในชุมชนมาเปิดร้านค้าเพิ่มขึ้น ตลาดแห่งนี้จึงคึกคักไปด้วยผู้คนและร้านค้ามากมาย แต่ก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาค้าขายกันอย่างเดียวซะที่ไหน ที่นี่มีโซนพักผ่อนหย่อนใจอยู่ด้วยนะเอ้อ เป็นยังไงตามมาดูบรรยากาศในตลาดบางน้ำผึ้งกันค่าาาา  ^ ^
   


คุณๆ ชอบงานคราฟต์ หรืองานศิลปะที่ทำจากสองมือของเราเองกันไหมคะ  ถ้าคุณๆ ชอบ เราขอแนะนำให้ไปต่อกันที่นี่เลย "วิสาหกิจชุมชน บ้านธูปหอมสมุนไพร" อ๊ะ  อ๊ะ  อย่าเพิ่งมองบน ที่นี่เขามีอะไรสนุกๆ มากกว่าเรื่องธูปค่ะ อยู่ไม่ไกลจากตลาดบางน้ำผึ้งเลย ปั่นจักรยานไปแพร๊บๆ ก็ถึงแล้ว มีป้ายบอกทางเข้า หาไม่ยาก ทางเข้าเป็นเส้นทางเล็กๆ มีต้นไม้ตลอดสองข้างทาง เก๋ไปอีกแบบ ที่นี่เขาจัดสถานที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ให้นักท่องเที่ยวได้ลงมือทำจริงหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเวิร์คช็อป เมื่อทำเสร็จแล้วก็สามารถนำชิ้นงานที่คุณๆ ลงมือทำกลับไปใช้ได้จริง เหนือสิ่งอื่นใดได้ภูมิใจกับฝีมือตัวเอง เพราะเป็นชิ้นเดียวในโลกเลยเชียวนา ว่าแล้วก็ไปกันค่าาา
   
   


แน่นอนว่าที่นี่ต้องมีเวิร์คช็อปทำธูปสมุนไพรอยู่แล้ว แต่ธูปของเขาเป็นธูปทูอินวันใช้ไหว้พระได้แถมไล่ยุงด้วยในคราวเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการสอนทำผ้ามัดย้อม มีทั้งวิธีมัดย้อมแบบเย็นและวิธีมัดย้อมแบบร้อน ผ้ามัดย้อมแบบเย็นจะให้สีสันสวยสดใสแล้วแต่ใจชอบเลย ส่วนการทำผ้ามัดย้อมแบบร้อนสีที่ได้จะมีเพียงสีน้ำเงินครามเท่านั้น
เราเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในงานคราฟต์ ก็ต้องขอลงมือซะหน่อยแล้ว ส่วนเราจะทำอะไรน้าานนนน  เชิญติดตามชมค่าาาา
   
   
   
   
   


มาย่านนี้ทั้งทีต้องสโลว์ไลฟ์ให้สะใจถึงจะถูก จากบ้านธูปหอมสมุนไพรเราปั่นจักรยานต่อเข้าไปอีก พบเจอร้านกาแฟ ร้านอาหารชิคๆ หลายร้านเลยเชียว บางร้านเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาว่าถ้ามาแล้วไม่แวะถือว่ามาไม่ถึง บางร้านมีที่พักด้วยนะ บางร้านก็เป็นโลเคชั่นสำหรับถ่ายทำละคร เราจะไม่สปอยล์เนอะ เอาเป็นว่าแวะร้านนั้นนิด ร้านนี้หน่อย ให้คุ้มค่ากับที่ปั่นและเดินกันมาตลอดวันดีกว่า ดังนั้นการส่งท้ายการเดินทางในทริปนี้จะเก็บภาพประทับใจมาใส่ไว้ให้ชมละกันนะคะ เพราะไม่ว่าจะไปตรงไหน แวะทำอะไร เราก็เก็บภาพถูกใจได้ตลอดเส้นทางเลยล่ะ
   
   
   


เที่ยวสนุกชม ชิม ช็อป แชะ ชิลด้วยวิถีสโลว์ไลฟ์กันมาทั้งวัน ได้เวลากลับกันซะที เราปั่นจักรยานกลับสู่เส้นทางเดิมเพื่อไปยังท่าเรือกำนันขาว คืนจักรยาน และลงเรือกลับสู่ท่าเรือวัดคลองเตยนอก วิวรอบตัวเราที่มองออกจากเรือหางยาวสวยงามแปลกตา บรรยากาศยามเย็นทำให้เห็นสีน้ำและสีฟ้าต่างจากที่เห็นในยามเช้า คลื่นที่ถูกตีออกจากเรือที่เรานั่งฟูฟ่องจนอดใจเก็บภาพไว้ไม่ได้ 
   


การทำงานในทุกๆ วัน มีแต่ความเร่งรีบ เคร่งเครียด ทุกอย่างด่วนและด่วนที่สุด การได้ไปเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในแนวทางที่ไม่ต้องขับรถเอง ไม่ต้องวุ่นวายกับภาระที่จะตามมาจากการขับรถ  ได้ปั่นจักรยานเป็นตัวช่วยในการเดินทาง อยากแวะที่ไหนก็แวะ อยากไปไหนก็ไป จะอ้อย(อิ่ง)ที่ไหนก็ได้ เป็นการค่อยๆ ชาร์จพลังงานชีวิตให้เต็มอิ่มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ให้มีกำลังกายกำลังใจในการลุยงานต่อได้อย่างสบายๆ ใกล้กรุงแค่เนี้ย แต่บรรยากาศเหมือนไปนอกเมือง อย่าเพิ่งเชื่อเราถ้ายังไม่ได้ลอง... สโลว์ไลฟ์กันบ้างที่... คุ้งบางกะเจ้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เส้นทางแสนเพลิน ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง

รู้ไว้ไม่เอาต์ เฮาส์ออฟแม่โขง (House of Mekhong)

เยาวราช เป๊ะ ปั๊วะ ปัง รับพลังบนเส้นทางมังกร