ขึ้นรถไฟไปมหาชัย ลงเรือไปท่าฉลอม
วันหยุดสุดสัปดาห์นี้อยากชวนคุณๆ ไปเที่ยวชิลๆ ด้วยการนั่งรถไฟไทยกันสักหน่อย ใช่แล้วค่าาา รถไฟปู๊นปู๊น ฉึกฉักฉึกฉักนี่ล่ะ ชวนรำลึกถึงบรรยากาศในสมัยไปร่ำเรียนไกลบ้านกันสักนิด อืมมมม... ไปกันแบบชิลๆ ก็ต้องไม่ไกลมาก เช้าไปเย็นกลับก็พอเนอะ อ่ะ ,,, งั้นไปมหาชัย-ท่าฉลอมกันเถอะ เตรียมกล้องเตรียมเลนส์ เมมโมรีการ์ดให้พร้อม แล้วไปกันเล้ยยยย
สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ เป็นจุดนัดรวมพลพรรคเพื่อเริ่มต้นความสนุกในวันนี้ เราจะไปด้วยรถไฟขบวน วงเวียนใหญ่-มหาชัย ตารางเวลาบอกไว้ว่าขบวนแรกจะออกจากสถานีวงเวียนใหญ่เวลา 05:30 น. และขบวนต่อๆ ไปจะออกห่างกันประมาณ 40 - 60 นาที ฉะนั้น เลือกเวลาเดินทางกันตามสะดวกได้เลย
ส่วนขบวนสุดท้ายจากสถานีมหาชัย จะออกเวลา 19:00 น. ที่บอกไว้เพื่อจะได้ไม่เที่ยวเพลินจนลืมเวลา เดี๋ยวตกรถไฟแล้วจะเจ็บ อิอิ มุกค่ะมุก หากใครอยากทราบว่ารถไฟแต่ละขบวนจะออกเวลาใดบ้าง สามารถคลิกดูรายละเอียดจากลิงก์ต่อไปนี้ค่ะ ตารางเดินรถไฟ
มาถึงสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่แล้ว เดินตรงลิ่วเข้าไปในสถานีได้เลย ไม่มีความลึกลับซับซ้อนแต่อย่างใด สายตาสะดุดเข้ากับความโดดเด่นของตู้รถไฟสีเหลืองขบวนยาวที่จอดรออยู่บนรางขนาน อดใจไม่ได้ที่ต้องแชะภาพรัวๆ ยิ่งเดินเข้าใกล้ตู้รถไฟความทรงจำลางเลือนในอดีตที่เคยใช้บริการรถไฟกลับฉายชัดมากยิ่งขึ้น บรรยายขนาดนี้คงพอจะเดาได้ว่า ห่างเหินจากการใช้บริการรถไฟไทยมานานแค่ไหนแล้ว แหะ แหะ
อ่ะ เมื่อมวลมิตรมากันพร้อมแล้วก็ไปซื้อตั๋วรถไฟกันจ้า ในการเดินทางระยะสั้นแบบนี้ไม่จำเป็นต้องจองตั๋วล่วงหน้า สามารถมาซื้อหาที่สถานีในวันที่เราเดินทางได้เลย ค่าโดยสารจากสถานีวงเวียนใหญ่ไปสู่สถานีมหาชัยก็แสนถูก เพียง 10 บาทต่อคนเท่านั้น ภาพที่เรานำมาลงให้ดู เป็นตั๋วรถไฟทั้งขบวนไปและขบวนกลับนะคร้าาา
ได้ตั๋วมาแล้ว ก็ไปขึ้นรถไฟกันเล้ยยย บรรยากาศในตู้โดยสารอยู่ในรูปแบบที่เคยคุ้น เป็นตู้โดยสารชั้น 3 คือที่นั่งแบบปรับเอนไม่ได้ มีพัดลม ไม่มีเครื่องปรับอากาศ เราเรียกกันว่าตู้ลมโชย อิอิ เชิญเลือกที่นั่งได้ตามอัธยาศัยเลยจ้าาา
รถไฟยังไม่ออก มองไปนอกหน้าต่างจะเห็นร้านค้าร้านอาหารหลายร้าน ฉะนั้นไม่ต้องกลัวอด มาก่อนเวลานัดสักนิด ก็สามารถหาอาหารรองท้องในบริเวณสถานีได้แล้ว สะดวกชะมัด
หลังเสียงระฆังจากสถานีดังขึ้น รถไฟก็เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากชานชาลา ความเปลี่ยนแปลงภายนอกหน้าต่างเป็นสิ่งที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจ รถไฟพาเราสัมผัสชุมชุนแบบใกล้ชิด บางที่ควรใช้คำว่าสนิทกันเลยจะเหมาะกว่า ชนิดที่กิ่งไม้ข้างทางเสียดสีตีกับหน้าต่างดังเพี๊ยะ เพี๊ยะ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งดูหนังสามมิติยังไงยังงั้นเลย แอบมีกรี๊ดด้วยนะเออ 😁 เว่อร์มะ บางสถานียังได้เห็นรถไฟสวนขบวนกันอีก เอ้า!! น่าตื่นเต้นขนาดไหน ดูจากภาพถ่ายและคลิปวีดีโอได้เลยจ้าาา
รถไฟแวะจอดรายทางตามสถานีต่างๆ มีผู้โดยสารขึ้นลงให้เห็นตลอด วิวนอกหน้าต่างเปลี่ยนไปเหมือนดูทีวี นั่งรถไฟยังไม่ทันรู้สึกเบื่อ ก็มาถึงสถานีมหาชัยแล้วอ่าาา หันไปดูนาฬิกาก็พบว่าใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 1 ชั่วโมง บอกก่อนเลยไม่ต้องกลัวว่าจะลงผิดสถานีนะ เพราะที่นี่คือปลายทางของรถไฟขบวนนี้นั่นเอง มาถึงสถานีแล้วก็อย่าได้รอช้า แชะ แชะ แชะ เลยจร้าาา ทั้งด้านหน้าด้านใน มีมุมเท่ๆ เก๋ๆ ให้ถ่ายภาพเต็มไปโม้ดดด
ออกจากสถานีเดินเลี้ยวไปทางขวา ก็เจอตลาดสดมหาชัย ทันที ที่นี่เป็นแหล่งอาหารทะเลสดและอาหารทะเลแห้งที่ขึ้นชื่อว่าน่าช็อปเป็นที่สุด ทั้ง กุ้ง กั้ง หอย ปู ปลา หมึก หลากหลายชนิดละลานตาคึกคักน่าดู ถ้าตั้งใจมาช็อปก็จัดไปเลยจ้าาา แต่หากจะไปเที่ยวชมและชิลต่อ แนะนำให้ยั้งใจไว้ก่อน ค่อยมาช็อปช่วงขากลับดีกว่า ไม่ต้องหอบหิ้วติดตัวไปให้รุงรังจ้าาา
ออกจากตลาดมหาชัยเราเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เพื่อไปสักการะเจ้าพ่อวิเชียรโชติในศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาครกันก่อน จากนั้นเดินต่อไปอีกสักนิด เราก็สามารถไปสักการะเสาหลักเมืองที่อยู่ในศาลหลักเมืองได้อีก เสาหลักเมืองที่สมุทรสาครนี้ได้ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นเสาหลักเมืองที่มีความสูงที่สุดในประเทศไทยเชียวน้าาา ถัดจากศาลหลักเมืองจะพบป้อมวิเชียรโชฎก ป้อมรบแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกญวนเพราะมีกรณีพิพาทเกิดขึ้นในยุคนั้น ระหว่างกำแพงป้อมมีปืนรบโบราณที่หล่อด้วยเหล็กทั้งกระบอกประจำการอยู่ ที่ป้อมแห่งนี้มีปืนรบอยู่หลายกระบอกเลยเชียวแหละ สามารถไปชมและแชะภาพได้เต็มที่ ไม่มีหวง 😉
เที่ยวชมฝั่งมหาชัยกันแล้ว ได้เวลาข้ามฟากไปฝั่งท่าฉลอมกันบ้าง เราเดินย้อนกลับทางเดิม แต่ให้มองริมฝั่งน้ำที่อยู่ทางขวา ก็จะพบท่าเรือมหาชัยเพื่อข้ามฟากไปท่าฉลอม เป็นท่าเรือขนาดใหญ่มีลักษณะโดดเด่น หลังคาท่าเรือมีลักษณะโค้งครึ่งวงกลม และมีหอนาฬิกาทรงสูงเป็นที่สังเกตได้อย่างชัดเจน อ่ะ!! เมื่อมั่นใจว่าใช่แล้ว ก็ไปซื้อตั๋วเพื่อลงเรือกันเลย ค่าตั๋วข้ามฟากเพียง 3 บาทต่อคนเท่านั้นเองอ่าาา
เรือข้ามฟากที่นี่เป็นเรือลำใหญ่ รถจักรยานยนต์สามารถใช้บริการข้ามฟากได้ด้วยเช่นกัน (ค่าตั๋วของคนที่นำรถจักรยานยนต์ไปด้วยก็ 6 บาทนะจ๊า) บรรยากาศในเรือจึงมีทั้งผู้โดยสารและยานพาหนะร่วมทางกันไป ใช้เวลาไม่นานเราก็ขึ้นฝั่งที่ท่าเรือท่าฉลอมแล้ว เย่ เย่
ท่าฉลอมถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำท่าจีน อาชีพหลักของคนท่าฉลอมตั้งแต่อดีตก็คือการทำประมงและอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการประมง ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรกของสยามประเทศ และพระราชทานนามให้กับถนนสายหนึ่งว่าถนนถวาย
มีการสรุปและบันทึกที่มาไว้ย่อๆ ว่า ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำรัสในวันประชุมเสนาบดี ภายหลังจากเสด็จประพาสเมืองนครเขื่อนขันธ์ (ปัจจุบันคืออำเภอพระประแดง สมุทรปราการ) ว่า "โสโครกเหมือนกับตลาดท่าจีน (ท่าฉลอม)" จึงเป็นเหตุให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีหนังสือตราพระราชสีห์น้อยแจ้งไปถึงผู้ว่าราชการเมืองสมุทรสาคร ทำให้ประชาชนและพ่อค้าในตำบลท่าฉลอมร่วมใจกันสละเงินนำมาปรับปรุงถนนให้ดีขึ้น จ้างคนปัดกวาดดูแลจนตลาดท่าจีนสะอาดและทูลเกล้าถวายถนนเส้นนี้ รวมถึงทูลขอพระราชทานชื่อให้กับถนนด้วย ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงเห็นถึงความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจเสียสละของชาวท่าฉลอมและยังน้อมถวายถนนเส้นนี้ให้อีก จึงพระราชทานนามว่าถนนถวาย และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจให้เกิดการพัฒนาท้องถิ่นได้เป็นไปตามแนวพระราชดำริของพระองค์ จึงทรงโปรดให้จัดตั้งเป็นสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรกของสยามประเทศ
เมื่อข้ามฟากและเดินออกจากท่าเรือท่าฉลอม ก็จะพบถนนถวาย อยู่ตรงปากทาง เดินเพลินๆ บนถนนถวายเราพบเจอสตรีทอาร์ตเก๋ๆ เป็นระยะตลอดเส้นทาง นอกจากภาพสตรีทอาร์ตแล้ว ถ้าใครตาดีจังหวะโดน จะเห็นฝาท่อระบายน้ำสีสันและลวดลายสะดุดตา แสดงเอกลักษณ์ในแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวของท่าฉลอมด้วยนะ ลองสังเกตดูจ้าาา
ออกจากท่าเรือท่าฉลอม เราเลือกเดินไปบนถนนถวายฝั่งขวามือ พบเห็นสตรีทอาร์ตให้ได้แชะภาพเป็นที่ระลึก ก็จัดไปสิคะ อย่าให้เสียชื่อ อิอิ ถัดจากนั้นอีกไม่ไกลก็พบกับบ้านท่าฉลอม ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกิจกรรมชุมชนของท่าฉลอม เดินเข้าไปด้านในจะเจอกับสิ่งที่บอกความเป็นสัญลักษณ์ของท้องถิ่น สิ่งนั้นคือ รถสามล้อถีบ และเรือฉลอมอวดโฉมอยู่ อย่ารอช้าโพสต์ท่ากันให้สุดแล้วหยุดที่หลายแชะค่าาา
บ้านท่าฉลอม เป็นแหล่งบอกเล่าเรื่องราวของชุมชนแห่งนี้ ทั้งเรื่องที่มาของการได้เป็นสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรกในสยามประเทศ วิถีชีวิตชาวประมงแห่งท่าฉลอม การจัดแสดงอุปกรณ์สำคัญของชาวเรือตั้งแต่ยุคโลว์เทคในอดึต จนถึงไฮเทคในปัจจุบัน เช่น แจว แอก ไม้ค้ำ โคมไฟเรือ สมอเรือ กำปั่น เกียร์เรือ เข็มทิศเรือ ตลอดจนวัฒนธรรมการดองปลา (ทำน้ำปลา) ด้วยแจ๊ ทุกสิ่งล้วนเป็นของจริง ขนาดจริง และผ่านการใช้งานจริงมาแล้วทั้งนั้น ถ้าคุณๆ อยากทราบรายละเอียดของบ้านท่าฉลอมเพิ่มเติมสามารถดูได้จากลิงก์นี้เลยค่ะ https://www.facebook.com/BaanThachalom/
แรงยังเหลือ ไปกันต่อค่าาา เดินยังไม่ทันเมื่อยก็พบกับวัดแหลมสุวรรณาราม หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่าวัดหัวแหลม เป็นวัดที่ร่ำลือว่ามีโบสถ์ที่สร้างจากไม้ทั้งหลัง ที่สำคัญมีอายุเกือบ 200 ปีแล้วนาจ๊า อย่ารอช้ารีบไปส่องทันที โบสถ์ไม้หลังนี้มีความโดดเด่นสะดุดตาตรงที่รอบผนังโบสถ์มีพระพุทธรูป 18 องค์ประดิษฐานอยู่ จนบางคนเรียกขานว่า โบสถ์ 18 อรหันต์ ส่วนภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อดำซึ่งเดิมสร้างจากไม้ แต่ด้วยกาลเวลาทำให้ทรุดโทรมไป จึงมีการครอบด้วยปูนดังที่เห็นในปัจจุบัน สิ่งสะดุดตาอีกอย่างในโบสถ์คือกระเบื้องปูพื้นสีขาวตัดน้ำเงินลวดลายโบราณที่นำเข้ามาจากจีนตั้งแต่สมัยเมื่อเริ่มสร้างโบสถ์ และได้อยู่คู่กับโบสถ์มาจนถึงทุกวันนี้ ชื่นชมโบสถ์ไม้จนหนำใจแล้ว เดินเลยเข้าไปอีกนิดเพื่อชมความยิ่งใหญ่ของสมเด็จองค์พระปฐม พระพุทธสิขีจักรพรรดิมุนีสัมพุทธชยันตีศรีสาคร พระพุทธรูปปางทรมานพญาชมพูบดี ที่ทรงเครื่องดุจดังกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ใต้ฐานองค์พระเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ขนาบซ้ายขวาด้วยบันไดโค้ง เพื่อให้สามารถขึ้นไปสักการะองค์พระได้อย่างใกล้ชิด พร้อมชมวิวแม่น้ำท่าจีนได้อีกด้วย สมเด็จองค์พระปฐมฯ ที่ท่าฉลอมองค์นี้ เป็น 1 ใน 9 องค์ที่ถูกสร้างขึ้นทั่วประเทศในพื้นที่ที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสค่าาา
เดินเรื่อยๆ ออกมาอีกนิด เอ๊ะ เอ๊ะ แอบเห็นรางรถไฟ ตามไปดูหน่อยซิว่าอะไร ยังไง โอ๊ะโอ๋วววว!! เราเจอรถไฟด้วย และก็นั่น นั่น นั่น... สถานีบ้านแหลม ว้าวววว เป็นสถานีรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลองนั่นเอง ถ้าคุณๆ สนใจจะไปชมความตื่นเต้นอย่างตลาดร่มหุบแม่กลองล่ะก็ คุณต้องไปด้วยรถไฟขบวนนี้แหละค่าาา แต่เราขอแชะภาพสวยๆ แถวสถานีพอ แค่นี้ก็อิ่มเอมแล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ วันนี้เถลไถลมาเยอะ เดี๋ยวจะกลับบ้านไม่ทันอ่ะน่าาาา แฮ่ !!! เพราะจะว่าไปตอนนี้ก็บ่ายคล้อยแล้วนี่นา
อย่างที่บอกไป เดินชมเดินชิลจนบ่ายแล้ว ท้องเริ่มประท้วง ตายละ!!! เที่ยวกันจนลืมหิวเลยหรือเนี่ย ไม่ได้ละไปหาอะไรใส่ท้องกันก่อนจะกลับไปมหาชัยดีกว่า เราเดินกลับไปทางท่าเรือ ลองมองหาว่าจะไปฝากท้องที่ร้านไหนดีน้าาา ในที่สุดสายตาก็ไปสะดุดกับร้านอาหารที่หน้าตาและป้ายหน้าร้านเรียกลูกค้าที่สุดในย่านใกล้ท่าเรือท่าฉลอมแห่งนี้ ป้ายใหญ่ชัดบอกว่า ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว เอาน่า... มาถึงนี่ละ เข้าไปหาที่นั่งและสั่งเลยจ้าาา ทีเด็ดของเขาก็ตามป้ายหน้าร้านนั่นแหละ บอกได้เลย เกี๊ยวกุ้งทอดก็ดี ราดหน้าบะหมี่ไข่กรอบก็เริ่ด ผัดซีอิ๊วเส้นปลาก็อร่อย รสชาติไม่ผิดหวังจริงๆ จัดไปจนอิ่มแล้วจึงเพิ่งจะเห็นว่าร้านนี้มีป้ายการันตีความอร่อยจากรายการดัง ครัวคุณต๋อย ทีวีสีช่อง 3 เขาด้วย ชื่อร้านที่แอบตัวเล็กกว่าป้ายเมนู บอกไว้ว่า ร้านนี้ชื่อเจ๊เตี้ยราดหน้ากระทุ่มแบน ถ้าคุณเป็นนักชิมสายเส้น เราขอแนะนำให้ร้านนี้เป็นหนึ่งในลิสต์ที่คุณต้องไปลองเลยเชียว
สมควรแก่เวลาที่จะต้องออกจากท่าฉลอมเพื่อกลับไปให้ทันรถไฟแล้ว ก่อนออกจากท่าเรือไป ชาวบ้านที่นี่ชี้ชวนให้ดูเรือประมงใหญ่ที่ลอยลำอวดโฉมอยู่ เป็นเรือที่ถูกปรับปรุงให้ทันกับยุคสมัย สะดวกและใช้ประโยชน์ได้ประสิทธิภาพสูง สัญญลักษณ์แห่งวิถีชีวิตของชาวท่าฉลอม จึงขอบันทึกภาพเก็บไว้เป็นความทรงจำว่า ครั้งหนึ่งเคยได้มาเยี่ยมเยือนและรู้จักกันมากกว่าเห็นเป็นแค่เรือลำหนึ่งเท่านั้น
ความเหนื่อยล้าจากการเที่ยวทิ้งหลักฐานไว้บนใบหน้าที่ฉาบด้วยรอยยิ้มอ่อน รอยยิ้มที่ออกจากใจที่เป็นสุข และความสุขใจนี้จะอยู่ในความทรงจำกันอีกยาวนาน เป็นพลังให้เราขับเคลื่อนชีวิตในวันต่อๆ ไป ได้อย่างแข็งแรง
วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หากคุณอยากเที่ยว และอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศการเดินทาง ไปเที่ยวแบบฟิน อินกับการเดินทางชิลๆ ไม่ต้องขับรถไปเอง นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่เราอยากชี้ชวนให้คุณขึ้นรถไฟไปมหาชัย ลงเรือไปท่าฉลอม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น