สงขลา...มาแล้ว

    


ถ้านึกถึงการไปเที่ยวสงขลา ภาพที่ปิ๊งขึ้นมาในหัวคือแบบนี้ไหมเอ่ย ...  
ไปยืนเท่ชมวิวสวยบนสะพานติณสูลานนท์ ลิ้มรสอาหารทะเลแสนสดที่เกาะยอ นั่งตักนางเงือกที่กำลังหวีผมรับลมอยู่ที่ชายหาดสมิหลา

เรามีโอกาสได้ไปเยือนสงขลาล่ะ ไม่ได้ทำอย่างที่บอกไว้ด้านบนเลยซ้ากอย่าง  แต่แฮปปี้มาากกกก ถึงขนาดไม่สามารถบอกเล่าให้จบในตอนเดียวได้ เอาล่ะซี้.... ไปสงขลาจะเที่ยวที่ไหนได้อีกบ้าง ถ้าอยากรู้ตามเรามาเล้ยยยย

เกริ่นให้รู้กันไปว่าทำไมเราจึงจะเที่ยวสงขลาได้อย่างฟิน ก็เพราะเรามีเจ้าบ้านสงขลาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์พากินพาเที่ยวน่ะสิ ฉะนั้นการันตีได้เลยว่าทริปนี้ของเราจะเข้าถึงความเป็นสงขลาสุดๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

ก่อนอื่นขอแนะนำเจ้าบ้านให้ได้รู้จักกันสักนิด เพื่ออรรถรสในการพูดคุยสบายๆ แบบเพื่อนพาเที่ยว  เจ้าบ้านที่น่ารักผู้นี้ เธอเป็นอาจารย์สายวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา มีดีกรีเป็นดอกเตอร์เชียว เธอคือ ผศ.ดร.นินนาท์ จันทร์สูรย์  ในที่นี้ขอเรียกแบบคุ้นเคยกันว่าอาจารย์เบนซ์นะจ๊าาา



เรานัดแนะพบกันที่หาดใหญ่ โดยอาจารย์เบนซ์กรุณาขับรถยนต์มารับเราด้วยตัวเองเลย จุดนัดพบคือคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งอยู่ด้านหลังอาคารโรงพยาบาลสงขลานครินทร์นั่นเอง 

พ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ใช้เส้นทางที่มุ่งหน้าสู่อำเภอเมืองสงขลาทันที จะได้ไปเที่ยวที่ไหนบ้างหนอ เดี๋ยวจะได้รู้กันละ ระหว่างทาง พบเจอความสวยงามตรงไหนก็หยิบกล้องบันทึกซะหน่อย ภาพอาจจะเบลอๆ ไปบ้าง.... อย่าว่ากันนะคะคู้นนน 

ในขณะที่อาจารย์เบนซ์เป็นสารถีให้นั้น ได้ทำการบรีฟให้ฟังคร่าวๆ ว่า สถานที่แรกที่ตั้งใจจะพาไปเที่ยวนั้น เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เรียกว่าถนนวัฒนธรรม ย่านเมืองเก่า ซึ่งประกอบด้วยเส้นทางถนนหลัก 3 สายขนานกัน ประกอบด้วย ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม ทั้งหมดถูกจัดให้มีการจราจรแบบเดินรถทางเดียว แต่สามารถเชื่อมต่อถืงกันได้ ดังนั้นการจอดรถบนถนนใดถนนหนึ่ง และใช้วิธีเดินเที่ยวจึงเป็นวิธีการที่สะดวกและง่ายที่สุด




ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงย่านเมืองเก่า จอดรถได้ปุ๊บ เราก็เริ่มเดินลัดเลาะซอกซอยสำรวจในย่านนี้ทันที ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจึงเรียกที่นี่ว่าถนนวัฒนธรรม ย่านเมืองเก่า บอกได้เลยว่าควรค่าแห่งการมาเยือนจริงๆ  เราสามารถพบเห็นสถาปัตยกรรมอาคารโบราณแบบไทย แบบจีน แบบชิโนยูโรเปียน และแบบผสมผสานที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีต แทรกด้วยสถาปัตยกรรมในยุคปัจจุบันที่อยู่ร่วมกันในย่านนี้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ ในระหว่างการเดินเที่ยวยังพบเห็นภาพศิลปะบนกำแพง (Graffiti) อวดโฉมให้เราได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกเหมาะกับสายแชะเป็นอย่างยิ่ง



เจ้าบ้านสงขลาเดินนำหน้าลูกทัวร์ไปชื่นชมงานศิลปะโบราณที่บ้านนครใน ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองเก่าสงขลา ทำหน้าที่บันทึกและบอกเล่าเรื่องราวในอดีตทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของชุมชนดั้งเดิมชาวสงขลา โดดเด่นด้วยการประดับตกแต่งสถานที่ทั่วบริเวณบ้านนี้ด้วยศิลปะเครื่องปั้นโบราณประเภท ถ้วย จาน  ชาม แจกัน โอ่ง อ่าง กระถางและเครื่องใช้อื่นๆ มากมาย บ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่าที่เจ้าของปัจจุบันซื้อต่อมาจากเจ้าของเดิม โดยนำมารังสรรค์ให้เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งชิโนยูโรเปียน จีน ไทย และอนุญาตให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ติดตามข้อมูลข่าวสารของบ้านนครใน กดดูจากลิงก์ บ้านนครใน นี้ได้เลย



ออกจากบ้านนครใน เดินไปตามถนนนครในได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเพลงร้องที่ดังแว่วออกมาประสานกับเสียงดนตรี บอกให้รู้ว่ามีการร้องโนราอยู่ในย่านนี้อย่างแน่นอน เราเดินตามหาต้นเสียงจนได้พบกับโนราบ้าน 168  เมื่อมองเข้าไปต้องประหลาดใจว่ามีวัยรุ่นมารวมตัวอยู่ในอาคารแห่งนี้จำนวนไม่น้อย กลุ่มหนึ่งกำลังร้องเพลงโนราพร้อมกับทำท่าทางจีบมือย่อขาร่ายรำ อีกกลุุ่มที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามทำการบรรเลงดนตรีประกอบให้กับฝ่ายที่ทำการร้องรำโนรา มองถัดเข้าไปสะดุดตากับผู้ที่ทำท่าทางเหมือนกำลังสอน เอ๊ะ... ทำไมหน้าตาคุ้นๆ ....ขยี้ตาดูดีๆ นั่นอาจารย์ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปการแสดง(โนรา) นี่นา อาจารย์อนุญาตให้เราทำการบันทึกภาพการเรียนการสอนนี้ได้ภายหลังจากที่เราแจ้งความจำนงไป

อาจารย์ใช้โนราบ้าน 168 นี้เป็นโรงเรียนโนราที่สอนร้อง สอนรำ สอนการบรรเลงดนตรี นอกจากนี้แล้ว ยังใช้เป็นที่สอนร้อยลูกปัดสำหรับตกแต่งชุดโนราให้กับผู้สนใจอีกด้วย  และที่เหนือสิ่งอื่นใด  การสอนทั้งหมดที่ว่ามานั้นฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเลยล่ะ อาจารย์บอกว่าที่ทำเช่นนี้เพื่อต้องการสืบสานวัฒนธรรมโนราให้คงอยู่คู่ประเทศไทยตราบเท่าที่อาจารย์ยังมีแรงกำลัง และหวังว่าจะมีผู้สืบทอดต่อไปในอนาคต สนใจติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของโนราบ้าน 168  สามารถกดดูได้จากลิงก์นี้  โนราบ้าน 168





เดินชมเดินแชะในย่านนี้มาพักใหญ่ เริ่มเหนื่อยแหละดูออก เจ้าบ้านช่างรู้ใจเดินนำหน้าพาแวะเข้าไปในคูหาแห่งหนึ่งซึ่งแทรกตัวอยู่ในอาคารที่เรียงรายบนถนนนครใน กวาดสายตาเร็วๆ พบว่าน่าจะเป็นร้านกินดื่มที่มีชื่อว่า Lyn's ( ออกเสียงภาษาไทยว่า ลินส์ ) บอกเลย... ชื่นใจจริงเชียวเมื่อเดินผ่านบานประตูเข้าไป แอร์เย็นฉ่ำ การตกแต่งร้านสวยงามน่านั่งฝังตัว เครื่องดื่มดี อาหารหลากหลาย ที่เห็นเต็มโต๊ะนี่บอกเลยอร่อยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกล้วยหินย่าง ไส้กรอกรวม ข้าวคั่วกลิ้งหมูกับกุ้งหวาน หรือจะเป็นข้าวผัดน้ำพริกปลาร้ากับหมูแดดเดียว ทั้งบรรยากาศทั้งอาหารรื่นรมย์เป็นที่สุด ขอแนะนำเลยจ้า ติดตามความอร่อยได้ที่ลิงก์นี้ Lyn's The Shanghai Cafe'



นอกจากการได้ชม แชะ ชิมไปในย่านนี้แล้ว เรายังหย่อนกายพักค้างคืนที่ บ้านในนคร อาคารโบราณอายุเกินร้อยปี เป็นอาคาร 3 ชั้นรูปตัวแอล (L) มีจำนวนห้องพักเพียง 6 ห้อง จึงสงบไม่พลุกพล่านและปลอดภัย คุณดนัยเจ้าของบ้านได้ปรับแต่งบ้านเก่าหลังนี้ให้น่าอยู่ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด อำนวยความสะดวกสบายแบบคนรุ่นใหม่ผ่านการตกแต่งให้ออกมาในสไตล์วินเทจอย่างลงตัว อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นพื้นถิ่นและได้ฟีลความทรงจำสมัยเรายังเป็นเด็กน้อย เดินไปทางไหนเผลอร้องว้าวไปซะทุกที่ ตั้งแต่ประตูทางเข้า ผ่านไปยังล็อบบี้ ก้าวขึ้นบันได โถงนั่งเล่นไปจนถึงห้องพัก และในส่วนที่เป็นสวนซึ่งใช้เป็นที่รับประทานอาหารและพักผ่อนหย่อนใจก็สวยงาม เก๋ เท่ แอนทีคด้วยฝีมือของเจ้าของบ้าน ที่บรรจงออกแบบและสร้างสรรค์เหล่าบรรดาของตกแต่งจากวัสดุเหลือใช้ให้แทรกตัวอยู่กับอาคารและความเขียวขจีของต้นไม้ใบไม้ในสวน สายชอบแชะมีเพลินแน่นอน 

ในส่วนการให้บริการของที่นี่ บอกได้เลยว่าประทับใจหลายสิ่ง เพราะเจ้าของบ้านดูแลและใส่ใจลูกค้าอย่างอบอุ่น เริ่มจากในส่วนของห้องพักที่มีที่นอนแสนสบาย ไม่นิ่มและไม่แข็งเกินไป ผ้าปูที่นอนก็นุ้มนุ่ม นุ่มเนียนที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา ผ้าม่านในห้องสีสันสดใสลวดลายแปลกตาผลิตผลจากผ้าปาเต๊ะผ้าพื้นถิ่นของชาวใต้ แหม่!! เกร๋สุดๆ ความสะดวกสบายในห้องครบสมบูรณ์ลงตัวไม่ขาดไม่เกิน และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือส่วนของบริการอาหารเช้าในสวนสวย อาหารที่เจ้าของบ้านตั้งใจปรุงเองเสิร์ฟเอง เริ่มต้นด้วยผลไม้รวมรสชาติดีเรียกความสดชื่น ตามมาด้วยชาร้อนส่งกลิ่นหอมฟุ้ง รสของชาเข้มสไตล์ชาใต้ ผ่านการปรุงให้กลมกล่อมด้วยนมสดเข้มมันหวานนวลกำลังดี ต่อด้วยเมนูหลักอย่างโรตีแกงไก่ที่กลิ่น รส และสัมผัสเข้ากันลงตัวที่สุด แกงไก่ให้กลิ่นหอมเครื่องเทศมากๆ ไม่ใช่แกงไก่แบบภาคกลางที่เราคุ้นเคย มาพร้อมโรตีที่กรอบนอกนุ่มใน อร่อยจริงจังเลยแหละ ปิดท้ายมื้อนี้กันด้วยขนมเปียกปูนใบเตยที่นุ่มนวลหอมหวาน เป็นมื้อเช้าที่สมบูรณ์แบบ หากมีโอกาสมาเยือนสงขลาและสนใจจะพักที่นี่เชิญติดต่อได้ที่บ้านในนคร บูติกโอเต็ล




เล่ามาตั้งยืดยาว ฝากความประทับใจเป็นรูปภาพก็เยอะแยะ แต่... แต่... แต่ ยังมีอีกหลายสถานที่ในย่านเมืองเก่า ที่รอให้คุณได้มาพบมาเจอมาสัมผัสด้วยตัวเอง อย่างที่บอกไปแล้วว่าสงขลาน่ะมีที่ให้ไปชม แชะ ชิม แตกต่างจากแบบที่คุ้นเคยอีกตั้งมากมาย ลองดูสิ สงขลา...มาแล้ว

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เส้นทางแสนเพลิน ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง

สโลว์ไลฟ์กันบ้างที่.. คุ้งบางกะเจ้า

รู้ไว้ไม่เอาต์ เฮาส์ออฟแม่โขง (House of Mekhong)